ครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย : ปัญหาใหญ่ที่แก้เกือบไม่ทัน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

โดย วสิษฐ เดชกุญชร


 เมื่อวันที่ 5 เดือนนี้ (กรกฎาคม 2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงนามในคำสั่งให้ใช้ มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับ เบิกในท้องที่ตำบลวังบาลและตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์


 เหตุผลของการออกคำสั่งก็คือ ภูทับเบิกในท้องที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของ แม่น้ำป่าสัก ถูกบุกรุกถือครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และนำไปก่อ สร้างโรงแรม สถานที่พักตากอากาศ และร้านค้า ซึ่งไม่มั่นคงแข็งแรง ไม่เป็น ไปตามหลักวิศวกรรมหรือมาตรฐานความปลอดภัยด้านวิศวกรรม นอกจาก นั้นยังปิดกั้นทางไหลของน้ำ และเสี่ยงต่อการพังทลายของดิน อาจก่อให้ เกิดอันตรายและเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ จึงต้องกำหนดมาตรการในการ ระงับ ปราบปราม และป้องกันการกระทำการที่มีผลกระทบในพื้นที่ป่า ภูทับเบิก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะเพื่อเร่งให้มีการฟื้นฟูป่าภูทับเบิกให้กลับคืนสู่สภาพเดิม และ อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่ง แวดล้อม

ในวันเดียวกันนั้นเอง หัวหน้า คสช.ได้ลงนามในคำสั่งสำคัญอีกฉบับ หนึ่ง คำสั่งฉบับหลังนี้วางมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครอง ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบ เหตุผลของออกคำสั่ง ฉบับนี้ก็คือคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ให้มีการส่งมอบ พื้นที่ที่เสื่อมโทรมในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อนำไปจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร ตาม กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แต่ปรากฏว่าจนถึง ปัจจุบันยังมีแปลงที่ดินที่ยังมิได้ทำการสำรวจรังวัดอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เนื่อง จากมีผู้เข้าไปถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่างไม่ร่วมมือหรือยินยอม เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม บางรายแม้ศาลจะได้มีคำ พิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมคืนพื้นที่ให้่ นอกจากนี้ยังปรากฏด้วย ว่ามีผู้ไม่มีสิทธิ์ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายเข้าใช้ประโยชน์ โดยอ้างว่า     มีสิทธ์ิในที่ดิน เพราะซื้อต่อจากเกษตรกร   แล้วได้นำพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็น แปลงขนาดใหญ่ไปทำเกษตรกรรมแบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยว อันจะมีผลกระ ทบต่อระบบนิเวศน์อย่างรุนแรงในระยะยาว และในบางกรณียังปรากฏว่า พื้นที่ข้างเคียงเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมยังคงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่ง หากมีการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เหมาะสม อาจมีปัญหาการบุกรุกพื้นที่เพิ่ม เติม ซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ และเสียหายต่อ ระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้


 ปัญหาการบุกรุกและถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย อย่างที่เกิดขึ้น ที่ภูทับเบิก อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ และปัญหาการครอบครอง ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบนั้น มีอยู่ด้วยในจังหวัด อื่นและภาคอื่นทั่วประเทศ และมีมานานแล้ว ดังจะเห็นได้จากจำนวนและ สภาพของโรงแรม ที่พัก ตากอากาศ และร้านค้าที่ปลูกสร้างขึ้น และจาก ขนาดของพื้นที่เกษตรกรรม ที่ผู้ไม่มีสิทธิ์ครอบครองนำไปใช้ปลูกพืชเชิง เดี่ยว เช่น ข้าวโพด เป็นต้น  การบุกรุกยึดครองและครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายอย่างกว้าง ขวางเช่นนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากเจ้าหน้าที่ราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้น

จึงเป็นที่น่ายินดีที่หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งทั้งสองฉบับ แม้ว่าความ เสียหายจะได้เกิดขึ้นแล้วก็ตาม เพราะคำสั่งของหัวหน้า คสช. เจ้าหน้าที่จึง สามารถยึดคืนพื้นที่ที่ถูกครอบครองโดยผิดกฎหมายมาแล้วเป็นจำนวนประมาณ 150,000 ไร่ และขณะนี้ก็ยังดำเนินการต่อ หากเป็นรัฐบาล “ประชาธิป ไตย” ที่มาจากการเลือกตั้ง มาตรการเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นและใช้ได้โดยเร็วเช่นนี้


 นอกจากมาตรการตามคำสั่งทั้งสองฉบับนั้นแล้ว ผมก็หวังด้วยว่าใน ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาความผิดหรือความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ผู้ รับผิดชอบทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ที่ปล่อยให้การกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น อย่างโจ่งครึ่ม กว้างขวาง และยาวนานเช่นนั้น.