"สนธิญาณ" ชี้! "กสทช." ไม่โดดเดี่ยว หลังม.44 คุ้มครองปิดสื่อเป็นภัยความมั่นคง แต่ไม่ใช่ใครจะถูกปิดง่าย ๆ หากไม่ผิดข้อบังคับ-ย่อมไม่มีปัญหา

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

รายการ "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2559  ออกอากาศทางช่อง ทีนิวส์ ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล (ถา) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย)  กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้


สถาพร : เมื่อวานนี้มีคำสั่ง คสช. ใช้มาตรา44 ในการออกคำสั่งดูแลเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชน จะมีผลอย่างไรกับการนำเสนอข่าวสารของเราและบรรดาพี่น้องสื่อมวลชน

 

สนธิญาณ : ความจริงคำสั่ง คสช. เพื่อ กสทช. ฉบับนี้ น่าจะเรียกว่าเป็นคำสั่งที่ออกมาด้วยความต่อเนื่องจากกรณีที่ กสทช. สั่งปิดพีซทีวีก็ว่าได้ น่าจะลำดับความว่าเป็นอย่างนั้น เหตุผลเพราะว่า ต้องไปดูว่าในระยะที่ผ่านมา กสทช. ได้ออกคำสั่งให้มีการปิดพีซทีวีเป็นระยะเวลา 30 วัน เนื่องจากผิดระเบียบคำสั่งของ กสทช. ซึ่งหลังจากนั้นก็ปรากฏว่าทางพีซทีวีก็ได้ไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครอง ประเด็นอยู่ตรงที่คำสั่งปิดพีซทีวีวันนี้ถ้าเราเห็นยังดูจอทีวีอยู่ ก็ยังเห็นพีซทีวีแพร่ภาพอยู่ปกติ

 

สถาพร : ออกอากาศปกติไม่ได้มีการปิดแต่อย่างใด

 

สนธิญาณ : เพราะคำสั่งปิดดังกล่าว เป็นคำสั่งขั้นต้นยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาที่ให้ปิด เพียงแต่สั่งว่า ให้ปิดเป็นระยะเวลา 30 วัน การไปร้องขอศาลปกครองของพีซทีวีก็เป็นการไปร้องขอให้คุ้มครองด้วยเหตุผลที่ว่า คำสั่ง กสทช. ที่ออกมานั้นไม่เป็นธรรม ไม่ได้มีการเรียกผู้ที่รับผิดชอบของพีซทีวีมาสอบถามมาพูดคุยไตร่สวนก่อน เป็นการปิดโดยพละการ เมื่อศาลได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วก็เห็นควรว่าให้คำสั่งคุ้มครองจนกว่า กสทช. จะได้เรียกผู้บริหารหรือผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพีซทีวีมาสอบสวนเสียก่อน

 

สถาพร : ให้ไปชีแจ้งเสีย

 

สนธิญาณ : คุ้มครองด้วยเหตุผลนี้ แบบนี้ กสทช. ก็ไปเรียกผู้บริเวณของพีซทีวีเพื่อให้การสอบสวนกันต่อไป เพื่อได้ดำเนินการปิดตามระเบียบขั้นตอนของ กสทช. แต่เรื่องไม่เป็นอย่างนั้น เพราะผู้บริหารของพีซทีวีเห็นว่า การดำเนินการของ กสทช. ไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา เขาก็จะฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ไม่เรียกเขาไปสอบก่อนแล้วสั่งปิด พูดง่าย ๆ ว่าการออกคำสั่งคุ้มครองศาลปกครองเหมือนกับได้ช่วยรับรองอยู่แล้วว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่ถูกต้อง

 

สถาพร : ก็เลยจะไปฟ้องกลับกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้น

 

สนธิญาณ : ครับ เลยเป็นที่มา พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ออกคำสั่งมาตรา 44 มาเลยต้องเรียนแบบนี้ เหตุผลเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ฯตกใจเพราะออกคำสั่ง เดี๋ยวคนไปตีความว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งที่ออกมาเพื่อจะให้ กสทช. ปิดใครก็ได้โดยไม่ต้องมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมยังเรียนว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังเดินในฐานะที่เป็นมวยหลักอยู่ ก็คือทุกอย่างยังเป็นไปตามกฎเกณฑ์ระเบียบข้อกฎหมายทุกอย่าง เพียงแต่ว่าการออกคำสั่งนี้เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฯเท่านั้น เนื้อหาคำสั่งคล้าย ๆ กับว่าแยกออกเป็นประเด็นให้เห็นชัดว่าคำสั่งแรกหมายความว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อต่าง ๆ ก็ให้เป็นไปตามคำสั่งเดิมของ กสทช. ที่ไม่มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ เรื่องที่สองคือไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และในกรณีที่มีผู้กระทำความในสองประเด็นนี้ กสทช. ไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอะไรต่าง ๆ ดำเนินการในการปิดได้กระทำไปตามหน้าที่สุจริตไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกินแก่เหตุ ความจำเป็น เพื่อควบคุมดูแลมิให้การนำเสนอข่าวสารหรือออกอากาศตามที่มีลักษณะข้อ1 ตั้งแต่มีผลใช้บังคับย่อมได้รับความคุ้มครอง ไม่ต้องผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย

 

สถาพร : คือไปเรียกร้องค่าเสียหายได้ด้วย

 

สนธิญาณ : ในทางการละเมิดเหมือนกับที่กำลังเรียกร้องจากนางสาวยิ่งลักษณ์ในเรื่องของการจำนำข้าว เขาเรียกว่า กฎหมายการละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ คุณไม่มีสิทธิ์ไปฟ้องร้อง แต่ในแง่การคุ้มครองทางกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องการทันเกมของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่นั้นโดดเดี่ยว เพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ และผมเรียนย้ำว่าไม่ใช่ใครจะถูกสั่งปิดได้ง่าย ๆ และไม่ได้ซ้ำเติมพีซทีวี เพราะว่าไม่จะเป็นพีซทีวี ทีนิวส์ หรือสื่ออื่นใดก็ตามแต่ หากถูกสั่งปิดก็ต้องเดือดร้อน ก็ต้องต่อสู้เดินไปตามกระบวนการทางกฎหมายไม่ให้เป็นอย่างอื่น เพียงแต่แจกแจงให้เห็นว่าอะไรเป็นอย่างไร