"สนธิญาณ" ชี้! ชาวพุทธหลงทางทำบุญเน้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ  แต่ "พระพุทธเจ้า" สอนให้ช่วยตัวเองตาม "กฏแห่งกรรม" บุญอาสาฬหบูชาแด่ญาติธรรม !!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

รายการ "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2559  ออกอากาศทางช่อง ทีนิวส์ ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล (ถา) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย)  กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ : สวัสดีครับ ถาครับ สวัสดีท่านผู้ชมแฟนข่าวทีนิวส์ทุกท่านครับ ธรรมะสวัสดีครับวันนี้

 

สถาพร : พี่ต้อยครับ วันนี้พี่ต้อยไปทำบุญอยู่ที่ไหนครับ

 

สนธิญาณ : วันนี้พาครอบครัวมาทำบุญกันที่พุทธมณฑลครับ เนื่องจากบ้านอยู่ติดกับพุทธมณฑล เพราะฉะนั้นก็มีความสะดวกเป็นอย่างยิ่งครับในการที่จะมาทำบุญตักบาตรและถวายสังฆทานนะครับ ซึ่งก็ได้มีการจัดรองรับพุทธศาสนิกชนที่จะมาได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดีพอสมควรทีเดียว ต้องเรียนว่าที่พุทธมณฑลเวลามีงานบุญงานกุศล ผู้คนจำนวนนับหมื่นหลั่งไหลเข้ามา ก็ต้องถือว่าเป็นศาสนสถาน พุทธสถานที่มีความสำคัญยิ่งที่หนึ่งของเมืองไทยนะครับ ถูกก่อสร้างขึ้นสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม สร้างขึ้นในวาระรุ่นพุทธกะ ปี2500

 

สถาพร : วันนี้ก็เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานะครับ เป็นวันอาสาฬหบูชา ซึ่งก็เป็นวันที่เรียกว่าพระพุทธศาสนานั้นครบองค์ 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกครับ พี่ต้อยครับ

 

สนธิญาณ : วันนี้อยากจะพูดคุยกับท่านผู้ชม ในเรื่องพระพุทธศาสนา ผมคิดว่าประเด็นสำคัญมากสำหรับคนไทยเรา ซึ่งเราใช้คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งร้อยรัดสังคมของเราเอาไว้ ศาสนาหลายถึงทุกศาสนาที่มีอยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ซิกข์หรืออื่นๆ แต่สำหรับพระพุทธศาสนาต้องถือว่าเป็นศาสนาหลักหรือศาสนาประจำชาติของคนไทยเรา ข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรามาแลกเปลี่ยนกันด้วยการสอบถามตัวเองว่าการเป็นชนพุทธตามสำเนาทะเบียนบ้านรึเปล่า ผมตั้งประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อจะแลกเปลี่ยนว่าสำหรับชีวิตผมเองเกิดมาก็เป็นชนพุทธตามสำเนาทะเบียนบ้าน แปลว่า เกิดมาแล้วพ่อแม่เราเป็นพุทธ ในสูติบัตรต้องระบุในทะเบียนบ้านว่านับถือศาสนาพุทธ พอเป็นแบบนี้สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราก็นับถือศาสนาด้วยการทำตามกันมา ตามประเพณีนะครับ มีคำสอนใหญ่ๆก็คือมุ่งมั่นทำความดี ทำกรรมดีได้ดี กรรมชั่วได้ชั่ว แต่หนึ่งแง่มุมในหัวใจของศาสนา เราได้รับการถ่ายทอดและสั่งสอนกันน้อยมาก ไม่ได้หมายความว่าวันนี้ผมรู้มาก รู้ดีเรื่องพระพุทธศาสนา แต่ว่าจากการที่สูญเสียเวลาของตัวเองไปถึง 40 ปีจนอายุ 40 ปี ได้หันกลับมาศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจังว่าคำสอนของพระพุทธองค์เกิดอะไร เป็นอะไร ยังไง ที่หนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นหลักใหญ่ใจความที่เราเข้าใจผิดกันอย่างใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง ก็คือว่า เราคิดว่าการทำบุญ การสร้างกุศล ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกันนะครับ การทำบุญทำกุศลเรามักจะพูดติดกัน ไปทำบุญทำกุศลกัน การสร้างบุญสร้างกุศลทำเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระพุทธเจ้า หรือพระธรรม อริยสงฆ์ต่างๆ มาช่วยเหลือเราตามบุญกุศลที่เราสร้าง ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดเป็นอย่างยิ่ง ผิดแบบ 360 องศา

 

สถาพร : แล้วเรื่องที่มันถูกต้องเป็นอย่างไรครับ พี่ต้อยครับ

 

สนธิญาณ : หลักการของพระพุทธศาสนานะครับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์สั่งสอนหลักหัวใจของพระพุทธศาสนาไว้ 3 ข้อหลักๆ คือ  1. ละเสียบาปทั้งปวง 2. สร้างบุญสร้างกุศลให้ถึงพร้อม 3. ชำระจิตใจให้ตัวเอง หลักที่ว่าก็คือหลักที่เราจะต้องพึ่งพาตัวเองและทำด้วยตัวเองเท่านั้น เพราะชีวิตของเราทั้งหลายอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ทำสิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นตอบแทนกลับคืนมาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเราได้ พระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราได้แต่แค่เพียงคำสอนที่ถูกต้องในการที่จะมีชีวิตและดำรงอยู่ในปัจจุบันและชีวิตที่จะเป็นไปในอนาคตและโลกหน้า นั่นคือสิ่งที่พระพุทธองค์สอนไว้ เพราะฉะนั้นเราจะมาทำบุญทำกุศลเพื่อจะให้ใครมาช่วย ให้พระพุทธเจ้ามาช่วย เทวดามาช่วย พระอริยสงฆ์มาช่วยก็ไม่ได้ เราจะสังเกตได้ว่ามีข่าว พระองค์ไหนศักดิ์สิทธิ์ เราก็แห่กันไป ช่วยก็ไม่ได้หรอกครับ เพราะในสมัยพุทธกาลสมัยที่พระพุทธเจ้าดำรงพระชนชีพอยู่ สิ่งที่พระพุทธองค์ทำก็คือการเผยแพร่พระพุทธสาสนา สั่งสอนธรรมอันเป็นสัจจะไปสู่ประชาชนต่างหาก มันก็ช่วยใครไม่ได้เลย ธรรมอันเป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า ข้อเท็จจริงอันเป็นเนื้อหาของธรรมก็คือ ชีวิตทุกชีวิตอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ก็คือ เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดียรัจฉาน เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์นรก วนเวียนอยู่อย่างนี้ การวนเวียนอยู่ในนี้ เป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่กระทำ อย่างจะหลุดออกจากนี้ นี่แหละคือคำสอนที่ต้องปฏิบัติธรรม ทีนี้การปฏิบัติธรรมให้หลุดพ้น พระพุทธองค์ทรงค้นคว้ามาอย่างเรียกว่าเหนื่อยยาก ตั้งแต่ทรวงออกบวช จนถึงตรัสรู้ แต่ท้ายที่สุดก็ได้ค้นพบความหมายของการปฏิบัติธรรมที่เดินสายกลางโดยใช้มหาสติปัฏฐาน4 นั่นก็คือใช้สติพิจารณาร่างกาย จิตใจให้เห็นถึงความรู้สึกและธรรมะที่บังเกิดขึ้น การพิจารณา มหาสติปัฏฐาน4 ก็เพื่อให้จิตได้วิวัฒนาการเพื่อการเกิดปัญญาให้เห็นความจริงว่าความจริง ในการเกิดแก่เจ็บตาย ความจริงในการเป็นอยู่ของสัณฐานของเราทั้งหลายล้านเป็นสิ่งที่ไม่จริงทั้งสิ้น  เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดำรงมีอยู่จริง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เรามีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตายภายใต้เนื้อหนังที่ห่อหุ้มสัมพันธ์กับจิตที่ดำรงคงอยู่ เนื้อหนังที่ห่อหุ้มท้ายสุดควบคุมไม่ได้ เกิดแก่เจ็บตาย จิตก็เวียนวนเกิดต่อไปตามกรรม และไม่อยากให้เกิดก็ต้องปฏิบัติชำระสะสางจิต ด้วยการใช้สติปัฏฐาน4 การพัฒนาการฝึกอบรมจิตให้รู้แจ้งเห็นจริง ไม่ใช่รู้แต่เพียงว่า เกิดแก่เจ็บตาย คือจิตมันตกผลึก ละทิ้งร่างกาย ละทิ้งการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงเอาไว้ สภาวะชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เราเห็นและเป็นอยู่ นี่เป็นหลักใหญ่ใจความของพระพุทธศาสนาที่สั่งสอนและอบรม ความหมายของอาสาฬหบูชาในวันที่ซึ่งครบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เนื่องจากว่าการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าในการค้นคว้าหาความจริงของธรรมมะได้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมมาตลอดและช่วงสุดท้ายก็คือการบำเพ็ญทุกรกิริยา เพื่อจะพิจารณาจิตหาว่าอะไรคือสัจจะ คือความจริง แต่การบำเพ็ญทุกรกิริยาดังกล่าวก็ไม่สามารถให้คำตอบต่อพระพุทธองค์ได้ ตอนที่บำเพ็ญทุกกิริยาอยู่ สาระสำคัญของการปฏิบัติในช่วงนั้นก็คือมีปัญจวัคคีย์ทั้ง5 มาเป็นผู้ดูแล อุปัฏฐากอยู่เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจาณาเห็นว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาไม่ได้บังเกิดผล ก็ใช้เส้นทางสายกลางพิจารณา ใช้มหาสติปัฏฐาน4 พิจารณา จนจิตที่สั่งสมมาอย่างดีแล้วก็ได้บังเกิดธรรมบรรลุแจ้ง เห็นถึงความจริงที่เป็นอยู่ของสรรพสิ่ง หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้กลับมาสั่งสอนปัญจวัคคีย์ ความจริงก่อนที่ได้สั่งสอนปัญจวัคคีย์ ก็ได้เดินทางไปหาพระอาจารย์ของพระองค์ก่อน แต่เนื่องจากว่าพระอาจารย์ได้เสียชีวิตไปแล้วก็มาอบรมสั่งสอนปัญจวัคคีย์ เมื่ออบรมสั่งสอนทำความเข้าใจ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ มรรคมีองค์8 ก็เพื่อจะมาสอนวิธีปฏิบัติของปัญจวัคคีย์ ซึ่งได้ปฏิบัติมาด้วยการค้นพบมาด้วยกัน ก็ได้ค้นพบความจริงก็มาชี้ให้เห็นว่าต้องปฏิบัติและพิจารณามหาสติปัฏฐาน4 เดินด้วย มรรคมีองค์8 จิตก็ทำการวิวัฒนาการ ท้ายที่สุดพระอัญญาโกณฑัญญะก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์แรก ได้ขอบวชวันอาสาฬหบูชาจึงกลายมาเป็นวันที่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บังเกิดขึ้นในโลกและนำพาไปสู่การเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อที่จะนำพาชาวโลกทั้งหลาย ให้มีความรักมีความเมตตาและพัฒนาจิตใจของตัวเองให้ก้าวพ้นห้วงแห่งความทุกข์ของวัฏสงสารครับ วันนี้เป็นพระใหญ่นะครับแลกเปลี่ยนกันด้วยข่าวสาร สาระอันเกี่ยวเนื่องกับธรรมะนะครับ ขอหยุดเรื่องการเมือง 1 วัน สำหรับบุญกุศลใดที่ผมได้สร้างสมมาตลอดช่วงชีวิตและต่อไปในวันข้างหน้านะครับ ขอให้บุญกุศลนั้นได้อนุโมทนาบุญถึงท่านผู้ชมแฟนข่างทีนิวส์ทุกท่านนะครับ น้องสถาพร น้องชนุตตา และน้องๆ ทุกคนที่ทำงานอยู่ในสำนักข่าวทีนิวส์และเพื่อนมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายให้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้ด้วยกันครับ สาธุ

 

สถาพร : สาธุครับ พี่ต้อยครับ ก็เป็นเรื่องราววันอาสาฬหบูชา แต่ว่าสรุปง่ายๆสั้นๆนะครับในสิ่งที่พี่ต้อยนั้นได้ทำความเข้าใจให้ท่านผู้ชมนั้นได้รับทราบ ว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ที่ตนเอง อย่างที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนนะครับ