ตัวจะไป แต่ใจยังไม่ยอม !! โอบามาเรียกร้องวิงวอนสมาชิกพรรค อย่าทิ้ง "โอบามาแคร์" ขณะทรัมป์เคยลั่นวาจาจะยกเลิกทันที ที่รับตำแหน่ง !!

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงต่อที่ประชุมสมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเโมแครต  เรียกร้องขอความร่วมมือจากเหล่าสมาชิกให้ร่วมกันรักษากฎหมายระบบประกันสุขภาพฉบับปี 2553 ที่เรียกกันจนติดปากว่า "โอบามาแคร์" เอาไว้ต่อไป โดยผู้นำสหรัฐคนที่ 44 ซึ่งจะหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค. นี้ กล่าวย้ำว่าโอบามาแคร์สามารถคุ้มครองสุขภาพของชาวอเมริกันได้มากถึง 20 ล้านคน และปฏิรูปให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์จากการซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น ที่รวมถึงการสามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ด้วย
.

อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันมีจุดยืนคัดค้านเรื่องโอบามาแคร์มาตลอด โดยให้เหตุผลที่รวมถึงว่าโอบามาแคร์ซึ่งกำหนดให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องซื้อประกันสุขภาพ ส่งผลให้ประชาชนต้องลงทุนมากขึ้นเพื่อซื้อประกันสุขภาพที่มีราคา "แพงเกินไป" ทำให้บริษัทประกันรายใหญ่หลายแห่งปฏิเสธเข้าร่วมโครงการ ประชาชนจึงเหลือทางเลือกไม่มากนักในการซื้อระบบประกันสุขภาพที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา

ขณะที่นายไมค์ เพนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ  กล่าวต่อที่ประชุมสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน ยืนยันว่าการยกเลิกโอบามาแคร์คือหนึ่งในวาระสำคัญที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน คือช่วงบ่ายของวันที่ 20 ม.ค.  แต่ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลงบ้างในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่าอาจรักษาสิทธิประโยชน์บางประการของโอบามาแคร์ไว้ อาทิ การให้บุตรหลานใช้สิทธิ์คุ้มครองแบบเดียวกับบิดามารดาหรือผู้ปกครองจนถึงอายุ 26 ปี

 

นโยบาย โอบามาร์แคร์

“โอบามาแคร์” เป็นชื่อเล่นที่ใช้เรียกกฎหมายว่าด้วยการประกันสุขภาพและระบบสาธารณสุข ที่ถูกผลักดันโดยรัฐบาลของนายบารัค โอบามา  กฎหมายนี้เป็นการปฏิรูประบบสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ นับตั้งแต่กำเนิดโครงการ “เมดิเคด (Medicaid)” และ “เมคิแคร์ (Medicare)” เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว  ในสหรัฐฯ นั้น รัฐบาลไม่จัดสวัสดิการสาธารณสุขให้คนมากเท่าในยุโรป และระบบประกันสุขภาพก็ยังอยู่ในขั้นแบเบาะ  เป้าหมายหลักของ “โอบามาแคร์” คือการทำให้บริการระบบสาธารณสุขเป็นสิทธิที่ทุกคนควรมี และไม่ขึ้นกับความรวยหรือจนมากเท่าที่เป็นอยู่

 วิธีการที่ “โอบามาแคร์” ทำนั้น ไม่ใช่การสร้างระบบประกันสุขภาพฟรีถ้วนหน้า เพราะสิ่งนี้ดูจะยังเป็นไปไม่ได้ในประเทศอย่างสหรัฐฯ ที่คนจำนวนมากยังต่อต้านรัฐสวัสดิการ  สิ่งที่ “โอบามาแคร์” ทำ คือการให้รัฐบาลใช้เงินอุดหนุนให้ประชาชนซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันเอกชน และปรับเงินคนที่ไม่ยอมซื้อประกัน  ในขณะเดียวกันก็บังคับให้บริษัทเอกชนที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป ต้องซื้อประกันสุขภาพให้ลูกจ้าง  และบังคับบริษัทประกันให้ขายประกันให้ทุกคนในราคาเดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกระหว่างผู้อายุมากกับอายุน้อย พิการกับไม่พิการ มีโรคกับไม่มีโรค

ที่สำคัญคือ “โอบามาแคร์” ยังขยายจำนวนผู้ที่จะใช้บริการรักษาพยาบาลของรัฐ ภายใต้โครงการ “เมดิเคด” เพิ่มขึ้นด้วย โดยแต่เดิม คนที่มีสิทธิใช้บริการนี้คือคนจนที่รายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน 40 เปอร์เซ็นต์  แต่ภายใต้ “โอบามาแคร์” คนที่มีรายได้สูงกว่าเส้นความยากจนไม่เกิน 33 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังสามารถใช้บริการได้

 

เรียบเรียง : อาทิชา