- 11 ม.ค. 2560
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th
รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 11 มกราคม 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
สนธิญาณ : เมื่อวานท่านนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า มีความจำเป็นจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็เพื่อที่จะปลดล็อกตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่ได้ส่งขึ้นไปทูลเกล้าฯอยู่ในขณะนี้ ความหมายของการปลดล็อกคือการมาจากการที่องคมนตรี 3 ท่าน คือท่านวิรัช ชินวินิจกุล, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ได้เดินทางมาพบกันท่านนายกรัฐมนตรีก็ปรากฏว่าในการเดินทางได้มีเรื่อง 2 เรื่องที่ได้นำมาปรึกษาหารือ คือเรื่องแนวทางพระราชทานในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทางภาคใต้ที่น้ำท่วมในขณะนี้ ส่วนอีกเรื่องคือพระราชกระแสเนื้อหาเนื้อความในร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรในหมวดพระมหากษัตริย์ ดังนั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านปรารภลงมาในเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน รัฐบาลก็ต้องน้อมนำพระราชกระแสมาพิจารณาซึ่งสิ่งที่เรากำลังจะพูดกันในขณะนี้ก็คือขั้นตอน เพราะหากว่าเมื่อพระองค์ท่านมีข้อสังเกต หากไม่ได้พระปรมาภิไธย ภายในระยะเวลา 90 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวได้กำหนดไว้ก็จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวตกไป ซึ่งถ้าร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวตกไป ความหมายในห้วงระยะเวลาที่จะดำเนินการตาม Road Map ก็ไม่สามารถจะกระทำได้ ระยะเวลาก็จะต้องยืดยาวออกไป เพราะต้องมีการปรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาเดินไปตามขั้นตอนใหม่ ก็จะทำให้เสียเวลา ในเป้าหมายตาม Road Map ที่จะเดินไป ซึ่งบรรดาองคมนตรีก็คงจะเห็นประเด็นนี้ และเรื่องที่มีพระราชกระแสก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับในหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งน่าจะหาทางออกในทางขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อที่จะให้ Road Map สามารถเดินไปในห้วงเวลาและทิศทางที่ใกล้เคียงจากเดิมดังที่ได้กำหนดเอาไว้ ทั้งสิ้นทั้งปวงต้องเรียนท่านผู้ชมว่าเนื้อหาความเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่ต้องดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เราจะต้องเข้าใจร่วมกันว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ร่างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีสถานการณ์อีกอย่างหนึ่งและเมื่อได้เกิดเหตุอันไม่คาดฝันไม่คาดคิด แห่งความเศร้าสลดเสียใจในความสูญเสียของคนไทยทั้งประเทศที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จสวรรคต เป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดคิดคาดถึง เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนไทยทั้งประเทศ วันนี้คนไทยทั้งประเทศยังใส่ชุดดำอยู่ และเราจะเห็นชุดสีดำนี้ตลอดไปทั้งปีจนกว่าจะมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ดังนั้นเราต้องลำดับและแยกแยะทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 มีพระราชกระแสรับสั่งออกมา สิ่งที่กำลังดำเนินการกันอยู่นี้ก็เพื่อจะรักษาระยะเวลาตาม Road Map ให้เป็นไป เพราะฉะนั้นการรัฐธรรมนูญหลายคนก็คงเห็นแล้วคือ เมื่อพระองค์ท่านมีข้อสังเกต เพียงแต่เอาข้อสังเกตซึ่งอยู่เฉพาะในหมวดพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเนื้อหาส่วนอื่นเลย มาดำเนินการแก้ไขให้เสร็จภายในระยะเวลากระบวนการที่ใกล้เคียงกับ Road Map ดังที่ผมได้กล่าวไว้แล้ว เพราะฉะนั้นแม้ว่าวันศุกร์ที่ 13 นี้ ก็จะมีการประชุมระยะเวลาใกล้เคียงกับ Road Map เดิม ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่แก้ไขก็นำทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย เพื่อมาประกาศใช้ในพระราชกิจจานุเบกษา หลังจากนั้นก็สามารถดำเนินการแก้ไขตามข้อสังเกตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่มีอยู่ ซึ่งข้อสังเกตดังกล่าวในขณะนี้น่าจะมีพร้อมอยู่แล้ว น่าจะเป็นข้อสังเกตที่ทางคณะองคมนตรีได้พิจารณาและนำมาปรึกษาท่านนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นขั้นตอนก็ดำเนินการไปปกติ ในเรื่องนี้อยากเรียนย้ำนะครับ ถึงทุกท่านที่มีส่วนได้เสียทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ พยายามมาตอกย้ำเรื่อง Road Map มาขู่ท่านนายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่ทำตาม Road Map จะลุกฮือ นานาชาติจะไม่เชื่อถือ ผมอยากให้ตระหนักและใคร่ครวญและคิดตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดออกมา นั่นก็คือได้เกิดเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้นในระหว่างที่กระบวนการต่างๆ ได้เดินไป ก็คือการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น โดยสภาพทั่วไปเราจะมานั่งนึกถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร สิ่งที่เราควรจะต้องคิด 2 เรื่องใหญ่ในขณะนี้ก็คือ เราจะทำการถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัฐบาลจะจัดให้สมเกียรติอย่างไรก็ตามแต่ แต่ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนคนไทยวันนี้ใจจดจ่ออยู่ที่นั่น ไม่ใช่ในการเตรียมการเรื่องนี้มาเปิดประเด็นหาเสียงเลือกตั้งและสาดโคลนโจมตีกัน และอีกเรื่องคือเรื่องพระบรมราชาภิเษก ถ้าเราทำความเข้าใจร่วมกัน Road Map อาจจะเลื่อนเดินขยับไปนิดหน่อย แต่ก็ได้เห็นถึงเจตนาที่ชัดเจนของทุกฝ่ายในการที่จะทำให้เรื่องราวเดินไปตามกระบวนการที่เดินไป ผมถือโอกาสขยายความทำความเข้าใจร่วมกัน ช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเราต่อไป
