"สนธิญาณ" ชี้!! ช็อกโลก 8 อภิมหาเศรษฐี มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าคนครึ่งโลก ผลสะท้อนประชาธิปไตยทุนสามานย์ครองโลก

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 17 มกราคม 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ : ข่าวนี้คือข่าวช็อกโลกที่โลกทั้งโลกไม่ได้ตระหนัก ควรจะเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้โลกทั้งโลกช็อกตะลึงและร่วมกันคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นไปได้อย่างไร และจะส่งผลอย่างไรในอนาคตของมวลมนุษยชาติ ต้องเรียนว่าข่าวนี้สำนักข่าวใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเอ็นเอ็น และบีบีซี รายงานข่าวออกไปทั่วโลก แต่หลังจากรายงานแล้วก็ต้องถือว่าเป็นการรายงานผ่านแล้วผ่านเลย การให้ความสนใจของผู้คนนั้นน้อยเหลือเกิน เรากลับมาดูกันนะครับว่า คนทั้งโลกในตอนนี้มีประมาณ 7,200 ล้านคน ดูจากคนที่จนสุดตามสถิติที่สหประชาชาติเก็บข้อมูลมา ย้อนกลับมา 3,600 ล้านคน ที่ทรัพย์สินรวมกันแล้วเท่ากับ 8 คน หรือพูดง่ายๆ คือคน 8 คน รวยเท่ากับคนครึ่งโลกรวมกัน โลกจะอยู่อย่างไร คน 8 คนนี้อยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ 6 คนเป็นคนสหรัฐอเมริกา เป็นคนสเปน 1 คน คนแม็กซิกัน 1 คน เรามาดูกันต่อครับว่า ใน 8 คนประกอบไปด้วย "บิล เกตส์" เจ้าของบริษัทไมโครซอฟต์ ทุกครั้งจะมีชื่อติดอันดับต้นๆ ของโลกมาโดยตลอด ต่อมา "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" เจ้าของเว็บไซต์เฟซบุ๊ก รายชื่ออื่นๆ ไม่ต้องไปจดจำหรอกครับ แต่ใน 8 คนนี้ มีทรัพย์สินรวมกันนับเป็น 426,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 15,000,000 ล้านบาทไทย มากแล้วทำไมถึงได้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น ก็เพราะว่าการวิวัฒนาการของโลกไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยการผลิตอันแท้จริงที่นำพาไปสู่โครงสร้างปัจจัยความต้องการ คือปัจจัย 4 โครงสร้างความต้องการของปัจจัย 4 ที่ว่าคือ อาหาร, ที่อยู่, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ตอนนี้โลกกำลังผลิตในสิ่งที่ไม่ได้เป็นความจำเป็น ผลิตออกมาแล้วสิ่งเหล่านี้ไปสร้างมูลค่าต่อในธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งมีมาเฟียระดับโลกหรือใช้คำว่ามีทุนสามานย์ที่โยงใยระดับโลกควบคุมตัวกลไกทางการเงินอยู่ ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้เงินไหลไปอยู่เพียงคนไม่กี่คน โดยกลไกการไหลผ่านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการระดมทุนซึ่งเป็นกลไกของทุนนิยมที่ทำให้เกิดขึ้นแบบนั้น อัตราของการเจริญเติบโตของความร่ำรวยที่ผมได้เรียนเมื่อสักครู่ ต้องเรียนต่อว่า เมื่อปีที่แล้วในสถิติเดียวกันนะครับคน 62 คน ซึ่งคิดว่าน่าตกใจแล้ว รวยกกว่าคนรวมกันครึ่งโลก ดูสถิติที่เปลี่ยนไป ปีที่แล้วมีจำนวนคน 62 คนก็ว่าน่าตกใจแล้ว แต่นี่ลดเหลือ 8 คน ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากจะเรียนให้เราได้ตระหนักสำหรับท่านที่ไปอเมริกาบ่อยๆ คงจะเห็นภาพในสิ่งที่ผมมาพูดบ่อยๆ นั่นก็คือบรรดาคนไร้บ้านหรือเรียกว่าโฮมเลส (Homeless) ในสหรัฐอเมริกามีประชากรรวมกว่า 200,000 ล้านคน แต่มีพวกโฮมเลสกว่า 10 ล้านคน กระจายอยู่ในทุกรัฐ นอนอยู่ข้างถนน ไม่มีบ้านอยู่อาศัย เบิกเงินสวัสดิการของรัฐ นอนอยู่ข้างถนนจริงๆ นอนเอาหัวชนกำแพงเป็นแถว ทรัพย์สินที่มีของตัวเองก็จะไปขโมยรถเข็นในห้างสรรพสินค้าที่เวลาเราไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต เสื้อผ้าของใช้เก็บไว้ในรถเข็น พอเช้าก็ไปอาบน้ำที่สวนสาธารณะ และไปรับอาหารอยู่แบบนี้ ถามว่าในสิ่งเหล่านี้ในประเทศไทย เราไม่เห็นแบบนี้ครับ ซึ่งจะมีขอทานนิดหน่อยที่เราเห็นอยู่กระจายไป ในระหว่างที่สหรัฐอเมริกามากดดันมาบีบคั้นประเทศไทยว่าต้องเป็นประชาธิปไตย และคนไทยก็ไปตามกระแสนี้ว่าต้องประชาธิปไตยเท่านั้น ดูสภาพความแตกต่างทางสังคมสิครับว่า แตกต่างกันอย่างไร ภายใต้ความแตกต่างนี้ผมเรียนเลยว่าเราจะต้องตระหนักและระลึกถึงอยู่ว่าทิศทางการเดินของไทยภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง การสร้างสรรค์อาหาร เพราะคน 3,600 ล้านคนทั้งโลกในสภาพที่เป็นอยู่ในระยะต่อไป ในประเทศที่ยากจนกำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ฉะนั้นทิศทางยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เดินมาถือว่าเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ได้อวยกันอย่างไม่มีเหตุผลนะครับ เราต้องเข้มแข็งต้องสร้างฐาน ยืนอยู่บนฐานตัวเราเอง ปัจจัยระหว่างเงินกับปัจจัยการผลิตจะต้องจัดให้เกิดความสมดุลและกระจายสิ่งเหล่านี้ออกไป ไม่ให้ช่องว่างของคนจนกับคนรวยห่างกัน เหมือนกับที่ประเทศทุนนิยมทั้งหลายกำลังบังเกิดขึ้นจากตัวเลขที่ปรากฏ