"สนธิญาณ" ชี้!! น่าตกใจคนรวย ๑%มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าคน๙๙%แสดงว่าไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง  แม้"แผนยุทธศาสตร์๒๐ ปี" เป็นหนึ่งในทางแก้ไข

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

"สนธิญาณ" ชี้!! น่าตกใจคนรวย ๑% มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าคน ๙๙% แสดงว่าไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง  แม้"แผนยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี" เป็นหนึ่งในทางแก้ไข แต่ต้องระวัง"ทุนใหญ่" ไม่ให้ไปคุกคามอาชีพคนเล็กคนน้อย

สนธิญาณ : มีองค์กรระหว่างประเทศอยู่องค์กรหนึ่ง เป็นองค์กรเอกชนนี่นะครับ ภาคเอกชนชื่อองค์กร OXFAM องค์กรนี้ก็มีบทบาทในการทำหน้าที่สำรวจข้อมูลทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทางด้านเรื่องของความเหลื่อมล้ำนะครับ ยังอยู่ไหมครับ

ยุคล : ยังอยู่ครับ เชิญต่อครับ

สนธิญาณ : โทษทีครับ พอดีผมอยู่ระหว่างเดินทาง นะครับ องค์กร OXFAM เนี่ย ก็มีสาขาอยู่ในประเทศไทยด้วยนะครับ ปฏิบัติการอยู่ตอนนี้ อยู่ใน 90 ประเทศ สำหรับประเทศไทยก็ได้ทำการสำรวจออกมา มีข้อมูลที่ฟังแล้วก็อึ้ง ตะลึงไปได้เลยครับว่า ประเทศไทยเนี่ย คนรวยที่สุด 10% แรก มีรายได้มากกว่าคนจนที่สุด 10% สุดท้ายเนี่ย ถึง 35 เท่า คุณยุคล นะครับ มันเป็นแบบนี้ ฟังแล้วอึ้งไหม ยังไม่อึ้งเท่าไหร่ ต้องดูต่อไปครับ ทำการสำรวจต่อไปว่าใน 7 ปีที่ผ่านมาเนี่ย เศรษฐีระดับพันล้านของไทยเนี่ยนะฮะ เมื่อก่อนมีอยู่ 5 คนนะ เพิ่มขึ้นเป็น 28 คน และทรัพย์สินที่มีทั้งหมดเนี่ยนะครับ รวมกันเนี่ย 9,142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นะครับ นับเป็นเงินไทยก็เยอะมากมายมหาศาล ขณะที่ประชากรไทย 7 ล้านคนเนี่ยนะฮะ อยู่ภายใต้เส้นของความยากจน แต่พบว่าคนรวยที่สุด 10% คนรวยที่สุด 10% นะฮะ เป็นเจ้าของทรัพย์สิน 79% ของประเทศ หรือเกือบ 80% ใน 5 ปีที่ผ่านมาเนี่ย คนรวยที่สุด 1% ตรงนี้ย้ำนะฮะ คนรวยที่สุด 1% เป็นเจ้าของความมั่งคั่งมากกว่าคนที่เหลือทั้งประเทศรวมกัน อันนี้สำคัญ คน 1% รวยกว่าคนอีก 99% ของทั้งประเทศ ฟังดูมันเกินเลยไหม ไม่ได้เกินเลยหรอกครับ จะบอกว่ามันไม่ได้เกินเลยเพราะอะไร OXFAM วัดเนี่ย ไม่มีสิทธิ์จะไปตามหาตัวเลขที่ไหนได้หรอกครับ เค้าเอาตัวเลขจากไหน คุณยุคล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นะครับ เอาตัวเลขตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยเนี่ย ก็เอามูลค่าการคำนวณบริษัทที่อยู่ในตลาดทุนจดทะเบียนและมูลค่าปัจจุบันเนี่ยมาคูณกันไปคูณกันมา มันก็เลยกลายเป็นทรัพย์สินที่เอามาเป็นเครื่องวัด ถามว่าตัวเลขนี้เนี่ย ใกล้เคียงความจริงไหม ใกล้เคียงความจริง ว่าสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับประเทศทุนนิยมทั้งหลาย ในเลวร้ายในตัวของมันเองไหม มันก็มีสิ่งที่สะท้อนให้เราเห็นว่าโลกนี่นะฮะมันพัฒนาไปสองด้าน ระบบทุนนิยมนี่นะฮะจะถูกพัฒนาขึ้นขั้นสูงสุดมาจากตลาดหลักทรัพย์ มาจากการระดมทุน มาจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น บริษัทขนาดยักษ์ขนาดใหญ่ในประเทศทั้งหมดเดินเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเดินเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มทุน การระดมทุน แน่นอนครับ บริษัทหนึ่งเรียกว่ามหาชน วันนี้เนี่ยนะครับ มีผู้ถือหุ้น เล่นหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 1 ล้านบัญชี ก็แสดงว่า มันวนอยู่ในคน 1 ล้านคนเท่านั้นแหละครับ บริษัทมหาชนเนี่ย คน 1 ล้านคนไปเปรียบเทียบกับคน 70 ล้านคน เห็นชัดว่ามันคืออะไร และคน 1 ล้านคนนี่นะครับ ที่เรียกว่า 1% เนี่ย ถ้า 10% เนี่ย 70 ล้านคนก็เท่ากับ 7 ล้านคน นะครับ ไอ้ 1% ก็คือ 7 แสนคน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ ตัวเลขแบบนี้ เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับ สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาเนี่ย หนึ่ง ความย่ำแย่ในความเหลื่อมล้ำเนี่ย มันหนักหนา สาหัสสากรรจ์ไหม มันไม่หนักหนาสาหัสสากรรจ์นะครับ มันไม่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ แต่ผลสำรวจที่น่าสนใจก็คือเรื่องของการไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้คนในประเทศนี้เหมือนกัน เกษตรกร 2.2 ล้านคนที่เขาแพลน เขาสำรวจมานี่มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกินถึง 40% ไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง 37% นี่ ยกตัวอย่างแบบนี้ เราน่าดีใจนะครับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เอาล่ะ อวยกันให้เห็นๆนี่นะครับ แต่จริงๆ ท่านพูดจริงๆ บอกว่าจะให้ความสนใจเรื่องการปฎิรูปที่ดินและการจัดที่ดินทำกิน ความคาดหวังของประชาชนหวังว่าเรื่องนี้ต้องจริง เรื่องนี้ต้องอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ ถ้าคนเล็กๆ คนน้อย คนยากคนจน มีที่ดินทำกินของตัวเอง กลายเป็นประเทศที่มีหน่วยผลิตขนาดย่อย สังคมจะแข็งแรง มีความเหลื่อมล้ำกันบ้าง สังคมจะแข็งแรง แต่ถ้าไอ้คนรวย 1% ที่บอกว่าทรัพย์สินรวมกันทั่วประเทศเนี่ย ผมยกตัวอย่างสองรายใหญ่ๆนะครับ คือ CP ตระกูลเจียรวนนท์ กับ เบียร์ช้าง สิริวัฒนภักดี สิ่งที่ปรากฎการณ์ขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทุกคนรู้ว่า 2 ตระกูลนี้ สองเครือข่ายบริษัทนี้กว้านซื้อที่ดินไป เกือบทั้งประเทศแล้ว ทั้งที่ในเมือง ไก่ทอด ไก่ป๊อป ไก่พะโล้ ไข่ แม้แต่ไข่ก็ไอ้ธุรกิจเล็กๆนะ ไก่ย่างห้าดาว มันจะไปตีตลาดไก่ย่างอะไรนะ เขาสวนกวาง ไก่ย่างวิเชียรบุรี ซึ่งคนยากคนจน คนขนาดเล็กขนาดกลางเค้าได้ทำกันบ้าง พวกนี้ต่างหากที่อันตราย และความอันตรายจริงๆในแผนยุทธศาสตร์ของ คสช. และนายกรัฐมนตรีเนี่ยนะครับ เผอิญเอาคนเหล่านี้ เอาบุคคลเหล่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนด้วย อันนี้เป็นเรื่องที่ โดยส่วนตัวผมมีความห่วงใย นะครับ ท่านนายกอาจจะมั่นใจว่า ท่านเอาเค้ามาใช้ประโยชน์ แต่คนเหล่านี้เค้าก็มุ่งเน้นเรื่องประโยชน์ของเค้าเป็นหลักเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับตัวเลขความเหลื่อมล้ำนี่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไปดูได้บริษัทจดทะเบียนและตระกูลพวกนี้ที่ถือหุ้นเนี่ย นี่คือมูลค่ามากมายที่ OXFAM เค้ามาเสนอ ผมฟังน่าตกใจ น่าตกใจแน่นอน แต่จะไม่น่าตกใจเท่ากับการที่บริษัทเหล่านี้ขยายปีกและไปคลุมเครือข่ายภาคพื้นดินของประชาชน รากฐานของประชาชน อันนี้เป็นสิ่งที่จะต้องระมัดระวังนะครับ ดังนั้นนะครับ ข้อมูลเหล่านี้รัฐบาลต้องตระหนัก ต้องเข้าใจ แน่นอนครับ ประเทศมั่งคง ประชาชนมั่งคั่ง ตามที่ทางยุทธศาสตร์ 20 ปี ของท่านนายกนี่ เดินมาถูกทาง ลงไปสู่ภาคเกษตรกร แต่นั่นหมายความว่าหน่วยผลิตรายย่อยจะต้องแข็งแรง ต้องมีที่ดินตัวเอง และไม่ให้บริษัทใหญ่ๆเหล่านี้เนี่ยนะครับ คุกคามอาชีพ หรือหน่วยผลิตเล็กๆของสังคม

(คลิกอ่าน : สถิติสุดช็อค!! ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย)

(คลิกอ่าน : สถิติสุดช็อค!! สส.500ครอบครัวมีทรัพย์สินเท่ากับครอบครัวประชาชนธรรมดาถึง 2 ล้านครอบครัว)