"สนธิญาณ" กราบพระวัดธรรมกาย คลายยึดมั่นถือมั่น วัดไม่ใช่ของใคร ขอตระหนักในคำสอนของ"พระพุทธเจ้า" อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

                สนธิญาณ : ณ โอกาสนี้นะครับ คุณยุคลครับ ท่านผู้ชมครับ ผมจะขอกราบไปยังคณะสงฆ์ของวัดพระธรรมกายนะครับ ที่ในการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวทีนิวส์และทำให้เกิดความไม่พอใจจนถึงขั้นประกาศนะครับ ไม่ให้สำนักข่าวทีนิวส์ เนชั่น และอมรินทร์นะครับ เข้าไปทำข่าวในวัดพระธรรมกาย ผมต้องขออนุญาตกราบเรียนอย่างนี้ครับว่าในคณะสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย หลายท่านนะครับ ผมก็เคยได้กราบไหว้ด้วยความเคารพ เพราะผมเป็นคนนึงที่ได้เคยเข้าวัดพระธรรมกาย ไปปฏิบัติสมาธิ ภาวนา ส่งลูกและหลานไปเข้าค่ายเยาวชนของวัดพระธรรมกาย ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ผมตระหนักและระลึกอยู่เสมอนั่นคือเรื่องของพระคุณที่วัดพระธรรมกายมีต่อผม เช่นเดียวนะครับ กับที่บรรดาคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายมีความสำนึกต่อพระคุณของพระธัมมชโยนะครับ แต่สิ่งที่ผมอยากจะกราบเรียนว่าภายใต้นะครับ สำนึกแห่งพระคุณที่มีต่อกันนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในคำสอนของพระพุทธศาสนาคือต้องตระหนักและระลึกถึง แต่นอกเหนือจากนั้นมันยังมีสัจจะและมีความจริงที่เราจะต้องคิดและคำนึงมากไปกว่านั้น สิ่งแรกเนี่ยนะครับ ผมไม่ได้บังอาจหรือกราบเรียน จะสอนคณะสงฆ์ เพียงแต่แลกเปลี่ยนกันในภาคปฏิบัตินะครับ เพราะคณะสงฆ์ของวัดพระธรรมกายส่วนใหญ่เป็นพระที่ทรงภูมิ ศึกษามีความรู้ สอบได้เปรียญธรรม ประโยค 3 ประโยค 6 ประโยค 9 นะครับ เป็นพระมหามากมาย แต่พระไม่สามารถเรียนรู้ได้เฉพาะทฤษฎีเพียงอย่างเดียว พระจะต้องมีการนำพาการปฏิบัติมาสู่ใจด้วย เพราะฉะนั้นคำสอนอันเป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนาคือ การไม่ยึดมั่นถือมั่น เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  แม้กระทั้งร่างกายเราเอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบของรูปกับนาม และไม่ใช่เป็นของเรา เพราะฉะนั้นวัดที่สำคัญ ไม่ได้เป็นของคณะสงฆ์วัดธรรมกายแต่อย่างใด นี่ขอให้คณะสงฆ์วัดพระธรรมกายได้โปรดรับทราบ วัดเป็นศาสนสมบัติ เป็นพื้นที่สาธารณะ และบ้านเมืองมีหน้าที่ในการดูแล รักษา วัดมีชื่อหนึ่งเรียกว่า อาวาส ดังนั้นเราจึงเรียกผู้ปกครองวัดว่า เจ้าอาวาส เจ้าอาวาสที่ปกครองวัดก็ถูกแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมายคณะสงฆ์ 2535 เป็นตัวแทนของฝ่ายบ้านเมือง กระทำการทั้งสิ้นทั้งปวงในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติการไม่ชอบอย่างหนึ่งอย่างใดก็มีสิทธิ์ที่จะผิดกฎหมายตามมาตรา 157 ตรงนี้เราต้องชัดเจนกัน และถ้าเรายิ่งดูความหมายของวัดที่เรียกว่าวัดพระธรรมกาย ในวันนี้บรรดาคณะสงฆ์ทั้งหลาย ยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นของคณะสงฆ์แล้ว ได้โปรดกลับไปพิจารณาและทบทวนในการตั้งวัดมาตั้งแต่ต้น ว่าวัดพระธรรมกาย ใครมีส่วนในการจัดตั้ง สำหรับผู้ที่สนใจ ผู้ที่ติดตามนะครับ ถ้าไป Search ใน Youtube ไปฟังหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ได้พูดถึงการก่อตั้งวัดพระธรรมกายว่าใครเป็นผู้บริจาคที่ดิน และได้ปฏิบัติกับผู้บริจาคอย่างไร จนถึงขั้นหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ได้ปรารภออกมาว่า อันนี้ผมกราบขอขมา บาปใดที่เกิดขึ้น ผมพร้อมที่จะรับบาปนั้น เพื่อที่จะถ่ายทอดคำที่หลวงปู่ฤาษีลิงดำว่า “พระอะไร เป็นพระจัญไร” ถือว่าถ้อยคำที่รุนแรงนะครับ เนื้อหาทั้งหลายเนี่ย ท่านผู้ชมไปติดตาม ไป Search ดูนะครับใน Youtube ชื่อหลวงปู่ฤาษีลิงดำ เพราะฉะนั้นเนี่ยนะฮะ ความพยายามใดๆนะครับที่คณะสงฆ์แห่งวัดพระธรรมกายยึดมั่นถือมั่น ว่าวัดพระธรรมกายเป็นของคณะสงฆ์นะ เป็นของพระธัมมชโย ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้ในเจตนามาตั้งแต่ต้นของคณะสงฆ์แห่งวัดพระธรรมกาย พยายามที่จะหลีกเลี่ยงในการไม่ให้ศาสนสถานที่หลายที่ก่อสร้างขึ้นไม่ตกเป็นของวัด เหตุผลก็เพราะต้องการหลบเลี่ยง จึงเอาศาสนสถานทั้งหลายมาอยู่ในพื้นที่ที่เป็นสมบัติของมูลนิธิ เพื่อทำให้เป็นเรื่องของเอกชน ที่ทำให้บรรดาคณะสงฆ์หรือผู้เกี่ยวข้องกับวัดสามารถดูแลได้โดยตรงและไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจของรัฐ ซึ่งเป็นสิทธิ์เจตนามาตั้งแต่ต้นในการที่จะบิดพริ้ว เพราะเห็นว่าทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายที่ผู้คนมาบริจาคทำบุญนั้น เป็นศรัทธาที่มีต่อพระธัมมชโย เมื่อเป็นศรัทธาที่มีต่อพระธัมมชโย ก็ควรจะเป็นของพระธัมมชโยหรือเป็นของคณะสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งผิดกับหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา เพราะการยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายนำพาไปสู่จิตอันเข้าสู่กระแสกรรมแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารไม่เป็นกรรมที่สิ้นสุดนะครับ ผมกราบเรียนอย่างนี้ไม่ได้มีความโกรธเคือง แต่ขอให้เราเข้าใจว่าในการทำหน้าที่ระหว่างกันและคณะสงฆ์พึงตระหนักในหน้าที่ของคณะสงฆ์ คณะสงฆ์นอกเหนือจากการที่จะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตัวเองแล้ว จะต้องมีพรหมวิหาร 4 เป็นที่ตั้ง เพื่อมีความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ต่อกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขอให้ท่านได้พิจารณาว่า ในทิศทางที่กำลังเป็นอยู่นั้น อยู่ภายใต้การยึดมั่น ถือมั่นใช่หรือไม่ กราบอนุโมทนาครับผม