สนธิญาณ ชี้!!! กระแส "คดีตายายเก็บเห็ด" มาแรงเพราะสื่อพาดหัว ส่วนสังคมไม่สนใจรายละเอียด ทนายขยายความช่วยกันทำลายสังคมโดยไม่รู้ตัว

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

                สนธิญาณ : ถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งในการที่จะพูดคดีเรื่องตายายเก็บเห็ดนะครับ สังคมข่าวสารโลกมีเดียมันน่ากลัวจริงๆ ข่าวสารกระจายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมันได้กระจายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือการดูแต่พาดหัวข้อข่าว โดยไม่ได้ลงในรายละเอียดแล้วก็พิจารณา มันทำให้เกิดเรื่องราวโดยเฉพาะคดีตายายเก็บเห็ดเนี่ยนะครับ ผมก็ต้องเรียนแบบนี้นะครับ สำนักข่าวทีนิวส์เองนะครับเรียนว่าน้องๆที่ทำข่าวหลายคนก็หยิบแล้วก็ไหลไปตามกระแสนะครับ อันนี้รับสารภาพ และนี่คือปัญหาในวงการสื่อ หยิบไปตามกระแส อันนี้คือคำพาดหัว "ตายายเก็บเห็ดถูกศาลจำคุก 5 ปี ในขณะที่คนรวย" เป็นการพาดหัวที่ไร้ความรับผิดชอบ อันนี้พูดถึงความเป็นจริงนะ ไม่ได้มาตำหนิติติง จะได้เห็นว่าระบบการทำงานของเรา เราก็ตรวจสอบนะครับ ความหมายของการตรวจสอบบอกว่าข่าวแบบนี้มันออกไปไม่ได้หรอก ไม่ดี ไปขยายความขัดแย้ง ไม่จริงในสังคม อะไรที่ไม่จริง ข้อที่ 1 นะครับ คดีนี้เนี่ยนะครับ ผมต้องเรียนว่าผู้ชายเนี่ยอายุเพิ่ง 53 ปี คดีเนี่ยเกิดมาแล้วตั้งแต่ปี 53 เนี่ย 7 ปี คดีเริ่มตั้งแต่ฝ่ายชายเนี่ยนะครับอายุ 40 กว่า ฝ่ายหญิงก็อายุ 40 กว่า ฝ่ายชายคือนายอุดม ศิริสอน นะครับ ฝ่ายหญิงก็คือนางแดง ศิริสอน สามีภรรยา ย้ำนะครับ เมื่อสื่อไปพาดหัวว่าเป็นตายาย ถ้า 40 กว่าเป็นตายาย ผมก็ต้องเป็นทวดแล้วล่ะครับ เพราะอายุจะ 60 แล้ว มันก็เกิดกระแสจินตนาการความรู้สึกขึ้นมา โห ตายายก็คนแก่ เข้าไปเก็บเห็ด จะทำอะไรได้ ข้อเท็จจริงไม่ใช่ อายุ 40 กว่านี่กำลังฉกรรจ์ กำลังทำอะไรได้นะ มีเรี่ยวมีแรงแข็งแรง นี่เป็นประเด็นแรก แต่พอพาดหัวดราม่าว่าตายาย ก็ตายาย ข้อสอง คดีนี้โดยข้อเท็จจริงนะครับ เป็นคดีผู้ต้องหาตัดไม้ทำลายป่านะครับ โดยเฉพาะเรียกว่าไม้ที่ว่าเนี่ยนะครับเป็นไม้ต้องห้าม เมื่อถูกจับเนี่ยนะครับ เมื่อถูกจับ คดีในศาลชั้นต้น ผู้ต้องหารับสารภาพนะคุณยุคล ผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลก็ตัดสิน นี่ประการถัดมา พอถึงชั้นอุทธรณ์ ผู้ต้องหาปฏิเสธแล้วก็ต่อสู้ กืคือไปเก็บเห็ด ตรงนี้เนี่ยเป็นประเด็นนะครับ ผมก็ชื่นชมบรรดาทนายอาสาต่างๆในโลกโซเชียลเนี่ยที่เกิดขึ้นแล้วอาสาไปช่วยผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ตัวเองเป็นทนายเนี่ยต้องรู้ด้วยนะครับว่าการที่โดดจะไปเล่นคดีใหญ่ไม่ใช่เอามาเป็นเหยื่อเพิ่มความกดดันของตัวเองเท่านั้น มันต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ เป็นอีกกระบวนการของศาล เมื่อทนายกระโจนเข้าไปแล้วหยิบเรื่องนี้มาเป็นกระแส ทนายภาพลักษณ์เป็นคนช่วยเหลือประชาชน คนยากคนจนให้ได้รับความยุติธรรม กระแสมันก็ยิ่งไปว่า ตายายเก็บเห็ด ศาลอุทธรณ์พิพากษาคือยืน จนมาถึงศาลฎีกา คดีเดินมา 7 ปี ผมเรียนนะครับ ศาล 3 ศาลเนี่ยจะยังไงก็ตามแต่ เราจะต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมก่อน เมื่อยามที่ผู้คนจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่าศาลสองมาตรฐาน เวลาตัดสินไม่ได้ดังใจ เวลาตัดสินได้ดังใจก็บอกว่าศาลยุติธรรมดี ผมยกตัวอย่างเช่นคุณทักษิณ ชินวัตร แบบนี้เป็นต้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ศาล 3 ศาลเนี่ยนะครับได้พิจารณาหลักฐานตามสมควรแก่เหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนกระทำความผิดจริงหรือไม่จริงเนี่ยนะครับ มีพยานหลักฐานมาปรากฎชัด นั่นแสดงว่าทนายถ้าทั้งสองไม่ได้ทำความผิดจริง ทนายไม่ได้หาข้อมูล พยานหลักฐานมาหักล้างมาแสดงให้ศาลเห็น ศาลไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องมากลั่นแกล้งลงโทษ 2 คนนี้ ท่านก็ตัดสินไปตามความถูกผิด ไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็นตามพยานหลักฐาน พอเอามากระจายแบบนี้ ไม่ยุติธรรมคนจนคนรวย กลายเป็นศาลเลือกตัดสินแบบนั้นเหรอ ผมยกตัวอย่างแกนนำพันธมิตรคุณสนธิที่ยังติดคุกอยู่ ดูคนรวยทั้งหลายที่เดินทางเข้าคุกกันซิ เป็นไง คดีแบงค์กรุงไทยหรือคดีอื่นๆเยอะแยะไปหมด คุณยุคล เพราะฉะนั้นเนี่ยนะครับถ้าจะทำข่าวนี้ให้ลงลึกไม่ใช่แค่เอามาพาดหัวจากอารมณ์ เอาความมันนะครับ นี่คนของทีนิวส์น่ะถูกเตือนไปแล้ว การใช้อารมณ์และความมันลงไปเกาะติดว่าพยานหลักฐานที่ไม่ถูกต้องเนี่ยเป็นยังไง ไปรื้อดู ลงไปหาข้อเท็จจริง อย่าดราม่า สร้างกระแส อย่าทำตามกระแส ต้องขออภัยนะครับท่านผู้ชมที่ออกมาสวนกระแสแบบนี้นะครับ แต่ผมอยากให้เราได้ใช้ข้อเท็จจริงนะครับ แล้วก็อยู่กันด้วยข้อมูลนะครับ ทำความเข้าใจ ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำร้ายสังคมของเรา โดยเราไม่รู้ตัว ขอบคุณครับ