สนธิญาณ ชี้!!"คสช."ไม่ต้องทำตัวเป็นกลาง จงเลือกยืนข้างความถูกต้อง ตามเจตนารมณ์ของประชาชน ย้ำ!! ทำในสิ่งที่ควรทำ อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายคือหนท

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

รายการ สดลึกจริง ช่วง "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) บรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ ชี้!!"คสช."ไม่ต้องทำตัวเป็นกลาง จงเลือกยืนข้างความถูกต้อง ตามเจตนารมณ์ของประชาชน ย้ำ!! ทำในสิ่งที่ควรทำ อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายคือหนทางที่ควรจะเป็น

                สนธิญาณ : วันนี้มีประเด็นที่อยากจะเรียนนำเสนอต่อ คสช.นะครับ อยากจะเรียนกันให้ชัดวันนี้ว่า คสช.เนี่ยนะครับควรที่จะหยุดบทบาทหรือการประกาศว่าตัวเองเป็นกลาง ย้ำนะครับ สถานการณ์การเมืองนับตั้งแต่ คสช.เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มาจนถึงปัจจุบัน 3 ปีเต็มนะครับ สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปมาก ปัจจัยเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไปมาก วันที่ คสช.เข้ามา แน่นอนครับ มีโอกาสในการที่จะเกิดการปะทะจากการเมืองที่แบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจนนะครับในวันนั้น ก็คือขั้วของคนเสื้อแดงกับขั้วของ กปปส. ขั้วของคนเสื้อแดง แน่นอนล่ะครับที่เราเรียกว่าอยู่ในระบอบทักษิณ ก็จะมีพรรคเพื่อไทยนะครับ เป็นทัพหลวงในการหนุนหลังอยู่ ขั้วของ กปปส.ที่มวลมหาประชาชนออกมาชุมนุม ก็แน่นอนล่ะครับมีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณและก็ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ปรากฎตัวอีกจำนวนหนึ่งให้การสนับสนุนอยู่ ณ วันนั้นนะครับ กองกำลังของชายชุดดำออกปฏิบัติการเข่นฆ่าผู้คนที่มาชุมนุมนะครับ รัฐบาลที่เป็นอยู่ในขณะนั้นก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ทหารออกมาช่วยดูแล นายกรัฐมนตรีคุณยิ่งลักษณ์ก็บอกว่า ทหารมาทำการตรวจสอบตั้งด่านตั้งอะไรทำให้เสียภาพพจน์เสียด้วยซ้ำไป ถึงวันนั้นสถานการณ์เปลี่ยนนะครับ เปลี่ยนยังไง เรามาดูทางฝั่ง กปปส.กับพรรคประชาธิปัตย์ก่อน แน่นอนครับ วันนี้คุณสุเทพกับคุณอภิสิทธิ์เคยเป็นหัวหน้าพรรค เคยเป็นอดีตเลขาธิการพรรคด้วยกันมา น่าจะเรียกได้ว่าแยกกันเดินคนละทางชัดเจน คุณสุเทพได้แสดงบทบาทชัดเจนในการเชียร์พลเอกประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ในขณะที่คุณอภิสิทธิ์และผู้คนในพรรคประชาธิปัตย์ก็เชียร์คุณอภิสิทธิ์ และเมื่อเป็นหัวหน้าพรรค เดินไปตามกลไกของระบอบเลือกตั้ง ระบบประชาธิปไตย คุณอภิสิทธิ์ก็ต้องประกาศตัวเป็นนายกเอง ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่าเมื่อแกนนำ กปปส.นะครับที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์นะครับ ย้ำนะครับ คนเหล่านี้ไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค แต่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารในขณะนั้นเนี่ย มากลับเข้าพรรค ไปพูดคุยกับคุณอภิสิทธิ์นะครับ ก็มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นวันนี้นะครับกลับมาดูในโลกโซเชียล สิ่งที่เราเห็นก็คือชัดเจนครับว่าผู้คนจำนวนหนึ่งบอกว่าไม่เอาอะ แนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เดินเนี่ย คนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่า ยังไงก็ต้องคุณอภิสิทธิ์น่ะแหละ นี่เราเห็นชัด กลับมาดูทางฝากฝั่งคนเสื้อแดง ซึ่งดูว่าเป็นหนึ่งมาเสมอเนี่ยนะครับ เราก็มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาหลายปัจจัย คนเสื้อแดงนะครับเป็นแกนนำมวลชนที่มีผู้นำและคนเข้าร่วมเนี่ยค่อนข้างจะหลากหลาย หลายระดับนะครับ คำว่าหลายระดับเนี่ยนะครับ ผมเรียนว่ามีตั้งแต่บรรดาสมาชิกพรรคที่เป็นลูกน้องสนิทสนมคุณทักษิณนะครับ มีผู้นำมวลชนนะครับที่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะคุณทักษิณ จำนวนหนึ่งก็มีพวกบรรดานักวิชาการที่ถือเอาคุณทักษิณเป็นแนวร่วมนะครับ เพราะถือว่ามีศัตรูร่วมกันคือระบอบอำมาตย์ในความหมายของเขานะครับ สิ่งที่เราเห็นอย่างนึงระหว่าง นปช. พรรคเพื่อไทย และคุณทักษิณเนี่ยนะครับ แม้คุณทักษิณจะพยายามจะเข้าคอนโทรลควบคุม แต่มันก็มีประเด็นปัญหาของมันมาเรื่อยๆนะครับ ใน นปช.เอง น้ำเสียงของคุณณัฐวุฒิ กับคุณจตุพร ก็คนละน้ำเสียง ไม่ได้เป็นในทางเดียวกันเสียทีเดียว ในขณะที่คุณณัฐวุฒิน้ำเสียงเน้นหนักมาทางฝั่งพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณนะครับ พูดถึงเรื่องอนาคตทางการเมือง เรื่องการเลือกตั้งนะครับ แต่คุณจตุพรไม่ได้ลงรอยกับทักษิณไปเสียทุกครั้ง เราเห็นได้ว่าจตุพร พรหมพันธ์นะครับ แม้ทักษิณจะเคยพูดว่าคนนี้น้องรักนะครับไม่ลืม แต่เมื่อถกเถียง ขัดแย้งกับทักษิณไปครั้งนึงเนี่ย ก็หมายความว่าโอกาสทางการเมืองก็จบสิ้น ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นอะไรนะครับ

                สถาพร : ก็เห็นร่อยรอยกันมาตลอดคู่นี้

                สนธิญาณ : ถูกครับคุณสถาพร มีสื่ออยู่สื่อนึงเพิ่งเกิดขึ้น

                สถาพร : ก่อนหน้านี้ก็มีข้อครหา มีการวิพากษ์วิจารณ์ในการเชิญหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นคอลัมนิสต์ฉบับนี้

                สนธิญาณ : ไม่ใช่ฉบับนี้ครับ สื่อนี้เป็นสื่อออนไลน์ที่ทำทั้งเฟสบุ๊คและทำเว็บไซต์นะครับ สื่อนี้เขาเรียกว่าเป็นคล้ายๆว่าเอียงมาแดงหน่อยก็ไม่แดงซะทีเดียวนะครับ เมื่อไปเชิญคุณอภิสิทธิ์มาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนต้องเลิกกันไป กลุ่มนี้คือแตกตัวมาจากนะครับกลุ่มอะเดย์นั่นเอง เคยมาสัมภาษณ์คุณจตุพร มีประเด็นการสัมภาษณ์ที่น่าสนใจ คุณสถาพรนะครับ คุณจตุพรเนี่ยนะครับพูดในสองประเด็นที่ผมคิดว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คุณจตุพรบอกว่าสำหรับกองทัพ ทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่าไม่เป็นกลาง แต่ต้องมองเนื้อหาที่เห็นพ้องต้องกัน แม้จะมีความแตกต่าง แต่ก็สามารถที่จะพูดคุยและนำเสนอทางออกได้ นี่คือประเด็นแรกนะครับ ซึ่งผมคิดว่าการที่คุณจตุพรพูดว่ากองทัพไม่เป็นกลาง กองทัพก็ควรจะชัดเจนนะครับว่ากองทัพไม่เป็นกลาง กองทัพยืนอยู่ข้างความถูกต้อง และใครทำไม่ถูกต้องนั่นต้องถือว่าเป็นศัตรูกับกองทัพทั้งหมด โดยเฉพาะพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือมุ่งร้ายทำลายสถาบันอย่างนี้เป็นต้นนะครับ มีประเด็นหนึ่งที่คุณจตุพรพูดก็คือเรื่องการปรองดองนะครับ คุณจตุพรพูดว่าการปรองดองนะครับ อย่าไปเร่งอย่าไปรีบ เพราะถ้าการปรองดองเร่งรีบจนเกินไปเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง การเลือกตั้งก็ไม่มีความหมาย การเลือกตั้งที่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีการปรองดองอย่างชัดเจน สุดท้ายประเทศไทยก็จะกลับไปที่จุดเดิม นี่ต้องใช้คำว่าสนธิญาณขอคารวะทั้งสองประเด็นที่จตุพรพูด นั่นก็ความหมายที่เหมือนกับผมหรือหลายท่านได้เสนอความเห็นว่าอย่าเร่งรีบในการเลือกตั้ง ทัศนะของคนที่มองการเมือง ทัศนะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทัศนะสื่อ กับทัศนะของนักเลือกตั้งเนี่ยมักจะแตกต่างกัน เหมือนที่สถาพรรายงานไปแล้วว่าเวลาพรรคการเมืองไม่ว่าจะพรรคไหน เขาพูดอะไรในการการเมืองเขาจะมุ่งมาที่การเลือกตั้ง ด้วยการที่เขาจะกลับเข้าสู่อำนาจก่อน การที่เขาคิดจะกลับเข้าสู่อำนาจเนี่ยเขาไม่ได้คิดหรอกครับว่าตอนที่เขาเป็นรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าฝั่งคุณยิ่งลักษณ์หรือคุณอภิสิทธิ์นะครับล้วนแต่เกิดปัญหาทั้งสิ้น และเมื่อเกิดปัญหาก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ เลือกตั้งแล้วใครจะเป็นผู้ที่รับประกันว่าขบวนการชายชุดดำจะไม่ออกมาอีก ขบวนการการปะทะของประชาชนจะไม่ออกมาอีก การใช้อำนาจอย่างล้นเหลือเหลือเกินของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า ไม่รู้ เพราะฉะนั้นประเด็นที่คุณจตุพรพูดในวันนี้เนี่ยนะครับก็สวนทางกับคนในพรรคเพื่อไทย สวนทางกับจาตุรนต์ ฉายแสง สวนทางกับวัฒนา เมืองสุข นะครับ ผมถือว่าเป็นทัศนคติที่ก้าวหน้านะครับ และสำหรับคนที่ติดตามทีนิวส์ ติดตามผมอยู่นะครับ หรือมวลชน กปปส. สิ่งเหล่านี้ผมอยากให้เปิดใจกว้างมองด้วยความเข้าใจ ทำไมใช้คำว่าเปิดใจกว้างและมองด้วยความเข้าใจล่ะครับ ก็เพราะว่าเราต้องการให้บ้านเมืองไปสู่ความสงบนะครับ สิ่งที่เราพูดว่าอยากจะให้พลเอกประยุทธ์อยู่ต่อ อยากให้กองทัพนะครับสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ได้ทำงานต่อไปนะครับ ให้มันเกิดความสงบเรียบร้อยซักระยะหนึ่ง ให้เข้าที่ ขจัดขบวนการความเลวร้ายทั้งหมดไปแล้วเนี่ยนะครับ มันถึงจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะฉะนั้นเห็นไหมครับ สิ่งที่ คสช.จะต้องคิดวันนี้นะครับ พลเอกประยุทธ์พูดถูกละครับ ออกมาจะจริงไม่จริงก็ตามแต่นะครับ สืบทอดอำนาจประชาชน

                สถาพร : ตามเจตนารมณ์ของประชาชน

                สนธิญาณ : เอากันให้ชัดๆ กองทัพชัดๆ ไม่ต้องเป็นกลาง เห็นไหมครับ กปปส.ก็แตกเป็นสองเป็นสาม ฝั่งเพื่อไทย ฝั่ง นปช.ก็แตกกันเยอะแยะ มันมีกระบวนการยืนในจุดยืนที่ตัวเองยืนอยู่ ซึ่งเป็นจุดยืนที่ประชาชนให้การเคารพชื่นชมทั้งพลเอกประยุทธ์ ทั้งกองทัพและ คสช. รัฐบาลที่เป็นอยู่ในขณะนี้นะครับ เพราะฉะนั้นทิ้งท้ายให้เห็นนะครับว่าการไปค้นบ้าน ส.ส.ประชาธิปัตย์เนี่ยนะครับ คุณชัยวุฒิเนี่ยนะครับก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำน่ะ เพราะรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าคุณชัยวุฒิเนี่ยไม่เคยเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ขบวนการนักเลงนะครับ ไม่ใช่เพราะคุณชัยวุฒิออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน กปปส.และก็ไปแตะต้องไม่ได้นะครับ คือถ้าค้นและตรวจเจอเนี่ยมันไม่เป็นอะไร แต่ค้นแล้วไม่เจออะไรเนี่ยนะครับ คือแสดงว่าการข่าวก็ห่วย

                สถาพร : คสช.ก็เสียเครดิตด้วย

                สนธิญาณ : คสช.ก็เสียเครดิต ถ้าทำเพียงแค่ว่าให้ดูเป็นธรรม ค้นทั้งสองฝั่งสองฝ่ายนั่นถูกต้องละครับ ขอให้ทำให้ถูกต้อง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายตามกรอบกฎหมายที่ท่านนายกพลเอกประยุทธ์ยืนยันมาตลอด นั่นแหละครับคือหนทางที่ควรจะต้องทำ