"สนธิญาณ" ถอดรหัส !! ข้อเขียน "สุรนันท์"  ใครหักหลัง "บุญทรง" ใครบงการทุจริตจำนำข้าว ????

ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.tnews.co.th



 

 

ผกามาศ : สวัสดีค่ะคุณผู้ชมกลับมาพบกันอีกครั้งกับรายการสนธิญาณฟันธงตรงประเด็น ถ้าย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ 25 สิงหาคม 2560 มีสองคดีสำคัญที่ต้องบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์หน้าการเมืองไทย คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่มีคุณบุญทรงและพวก 28 คน เป็นจำเลยในคดีนี้ ส่วนอีกคดีหนึ่งคือคดีจำนำข้าว คือ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลยแต่ว่าการหายตัวไปของคุณยิ่งลักษณ์แบบไร้ร่องรอยก็เป็นประเด็นที่มีการกล่าวถึงอยู่ เดี๋ยววันนี้เรามาพูดคุยกับคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม สวัสดีค่ะพี่ต้อยคะ

 

สนธิญาณ : สวัสดีครับคุณผกามาศ สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน

 

ผกามาศ : มีคนตั้งข้อสังเกตว่าการหายตัวไปของคุณยิ่งลักษณ์ตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2560 นี่เป็นไปตามรายงานมา จริง ๆ แล้วรายงานอาจจะหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม เลยด้วยซ้ำ มองว่าคุณยิ่งลักษณ์เขามีการเตรียมการหรือวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดีหรือเปล่าคะพี่ต้อย

 

สนธิญาณ : ผมยืนยันว่าคุณยิ่งลักษณ์วางแผนเตรียมการล่วงหน้ามานับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองขึ้นศาล

 

ผกามาศ : หมายถึงว่าย้อนกลับไป

 

สนธิญาณ : กี่ปี ๆ ตั้งแต่วันที่ขึ้นศาลมา 2 ปีกว่า ๆ 

 

ผกามาศ : วางแผนล่วงหน้ามาตลอดเลย

 

สนธิญาณ : ถูกต้องครับ

 

ผกามาศ : แล้วทำไมคุณยิ่งลักษณ์เดินทางมาขึ้นศาลได้ทุกครั้งคะ

 

สนธิญาณ : เพราะการเดินทางมาขึ้นศาล การไปปรากฏตัวที่โน่นที่นี่คือการวางแผนเตรียมการที่จะหนีทั้งสิ้น

 

ผกามาศ : ทุกส่วนอยู่ในแผนหมด

 

สนธิญาณ :  ถูกต้องเพราะอะไร ผมจะลำดับความให้ฟังว่า การที่คุณยิ่งลักษณ์ดำเนินการแบบนั้นและผมมาบอกว่าเตรียมการหนีก็เป็นเพราะว่าคดีคุณยิ่งลักษณ์ยังเกี่ยวพันกับคนอื่น ๆ อีก 26 คน กับ 2 บริษัท คือเกี่ยวพันในคดีของคุณบุญทรง และสาระสำคัญผู้ที่จะทำให้คุณยิ่งลักษณ์ติดคุกหรือไม่อยู่ที่คุณบุญทรง

 

ผกามาศ : หมายถึงคดีของคุณบุญทรง

 

สนธิญาณ : ถูกต้องครับ เพราะฉะนั้นในคดีของคุณบุญทรงพยานหลักฐานชัดเจนอยู่แล้วว่ามีการทุจริตจริง แต่ตรงไหนก็รู้ แล้วจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อเลขาของคุณบุญทรงได้หนีก่อนแล้ว การที่หนีคนที่อยู่ในวงการ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเรียกว่าเป็นคนที่ดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปิดหนีแล้ว เห็นชัดแล้วเพียงแต่ว่าถ้าคุณยิ่งลักษณ์บอกใคร ๆ ว่าไม่ไหวคดีนี้ดูหนักเชื่อมโยงกัน ย้ำนะครับคดีเชื่อมโยงกัน ก็คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคนตั้งคุณบุญทรง คุณภูมิ ให้เป็นคนดูแลในการขายข้าวในโครงการจีทูจี แล้วมีการทุจริตคอร์รัปชั่น มีสื่อไปถามคุณยิ่งลักษณ์ คุณยิ่งลักษณ์ก็ตอบว่าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่มีหรอก คดีที่ดำเนินการกับคุณยิ่งลักษณ์เป็นคดีละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นั่นหมายความว่าในฐานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องดูแล แล้วคุณยิ่งลักษณ์ดูแลได้ไหมชัดเชื่อมโยงแล้ว เมื่อตัวการหนีไปแล้ว หมอโด่งหนีไปแล้ว วัดดูแล้วคุณบุญทรงคุกแน่ ถ้าคุณบุญทรงคุกคุณยิ่งลักษณ์ก็ต้องคุกในฐานะผู้บังคับบัญชาและมีหลักฐานชัดเจน ทีนี้เราต้องกลับมาดูว่า ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไปบอกหรือไปทำแสดงให้เห็นว่าฉันจะหนี คดีคุณบุญทรง ผมคิดว่าก็คงหนีกันทั้งโขยง

 

ผกามาศ : คือหนีกันหมด

 

สนธิญาณ : รู้อยู่แล้วจะติดคุก ทุกคนได้เงินไปทั้งนั้นในโครงการนี้ มีเงินพอที่จะใช้จ่ายที่ต่างประเทศอย่างสุขสบาย ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนคิดจะหนีหมดก็หนีไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้มงวด เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงต้องเป็นความลับ ทำให้ทุกคนตายใจ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่หนี ในระหว่างนั้นก็มีข่าวลึกลับภายในว่า มหาศาลอาจจะคุยกันได้ สามารถในการที่จะทำความเข้าใจคดีนี้มีโอกาส

 

ผกามาศ : เหมือนมีการตกลงกันได้

 

สนธิญาณ : เป็นการสร้างข่าวครับ ความจริงตกลงกันไม่ได้หรอกครับผมเรียน ระบบของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่ แต่ละท่าน ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมดมานั่งแล้วเลือกกันเองโดยไม่มีใครสมัคร ไม่มีใครระบุชื่อ ใครได้คะแนนสูงสุดลดหลั่นเรียงกันมา แล้วเวลาเขียนคำวินิจฉัย คำพิพากษา ทุกคนต้องมีการเขียนคำพิพากษาของตัวเองออกมา

 

ผกามาศ : ส่วนตัวมาก่อน

 

สนธิญาณ :  เพราะฉะนั้นผู้พิพากษาแต่ละคนยังไม่รู้เลยว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร ทุกคนจะรู้แค่เรื่องตัวเอง จะมาอยู่ในที่ประชุมวันตัดสินเท่านั้นถึงจะรู้

 

ผกามาศ : อย่างนี้หมายความว่า คำว่ารั่วออกมา คือไม่มี

 

สนธิญาณ : ไม่มีครับ แต่มีการสร้างข่าวว่าเคลียร์ได้ รั่วแล้ว ตกลงกันได้ เป็นแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนี้เรียกว่าละเมิดอำนาจศาลสำหรับพวกที่สร้างข่าวแบบนี้ แต่ทำให้เกิดความเชื่อว่าน่าจะเคลียร์ได้ เพราะฉะนั้นเราดูนะครับความมั่นใจพอสมควรที่คุณบุญทรงมาขึ้นศาล และทุกคนก็เชื่อว่าวันที่ 25 สิงหาคม คุณยิ่งลักษณ์จะมาขึ้นศาล แต่ข้อเท็จจริงอันหนึ่งผมได้พูดไปแล้วแต่วันนี้ขอพูดซ้ำ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ที่คุณยิ่งลักษณ์มาปรากฏตัวที่ศาล จนถึงวันที่หายตัวไปซึ่งจะเป็นวันไหนเดี๋ยวเรามาพูดกันอีกครั้ง คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนโดยมีผู้สื่อข่าวเลยนะครับ ปกติคุณยิ่งลักษณ์เวลาจะไปที่ไหนจะเรียกว่ามีทีมงานทางด้านสื่อมวลชน พูดชื่อก็ได้คือคุณสุจะเป็นคนประสานงาน ไปสร้างกิจกรรมกระจายข่าวสาร แต่หลังจากวันที่ 1 สิงหาคม ไม่มี แต่มีข่าวของคุณยิ่งลักษณ์ออกมาตามลำดับ ไปเที่ยวกับลูก มาถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ ไปวัดตักบาตรทำบุญ ดูเหมือนจะใช้ชีวิตปกติแต่ความจริงเป็นเหมือนการสร้างแผนลวง ทำไมเขาไม่ให้ผู้สื่อข่าวมา ก็เพราะวันสุดท้ายที่จะหนีคือวันที่ 23 สิงหาคม เขายังไปทำบุญ เพราะผู้สื่อข่าวติดตามวันนั้นหนีไม่ได้ กระบวนการหนีในวันนั้น ตักบาตรตอนเช้าเสร็จไปวัดระฆังแล้วกลับมาที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ก็ปรากฏชัดเจนเป็นหลักฐานว่าตอนนั้นการหนีให้เครดิตสำนักข่าวอิศรา มาเปิดเผยเอาข้อมูลมาดูว่าใครร่วมอยู่ที่โรงแรเอสซีปาร์ค 14 คน ไม่ต้องไปลงรายละเอียด แต่หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีหลานของคุณยิ่งลักษณ์อยู่ ลูกคุณเยาวเรศ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่ควรที่จะไปสอบถามดู แต่ผมเรียนได้นะครับว่ามีข่าวที่ลึกลงไปกว่านั้นคือทาง คสช. เขาก็ตามอยู่ ไม่ใช่ไม่ตาม แต่ตามอยู่ห่าง ๆ เพราะก่อนหน้านี้คุณยิ่งลักษณ์และทนายเคยออกมาโวยวายว่าเห็นเขาเป็นอย่างไร มาตามติดอยู่นั่นไปไหนก็ตามติดเลย 

 

ผกามาศ : ตามถ่ายรูปอยู่นั่นล่ะ

 

สนธิญาณ : นี่เขาตามเพราะกลัวคุณจะหนี ท้ายที่สุดก็หนีจริง แสดงว่าที่ผ่านมาคุณแสดงละคร วันนั้นรถบีเอ็มสีดำ ซีรีย์ 5 จำนวน 3 คัน ออกจากโรงแรมเอสซีปาร์คพร้อม ๆ กัน แล้วไม่รู้ว่าเป็นขบวนรถของคุณยิ่งลักษณ์หรือไม่นะครับ เจ้าหน้าที่ก็สงสัยว่าใช่หรือไม่ ยังไม่เห็นคุณยิ่งลักษณ์ มีการเตรียมช่องทางการเดินไปที่จอดรถแล้วแยกกันไป คันหนึ่งไปบ้านคุณยิ่งลักษณ์ อีกสองคันหายไปไหนไม่รู้ ดูไม่ทัน ก็แสดงว่ามีการเตรียมการมาถึงนาทีสุดท้าย ส่วนจะหนีไปทางไหนอย่างไร วันนี้ผมคิดว่าเลยไปแล้วแต่โดยข้อเท็จจริง คสช. จะไม่รับผิดชอบก็ไม่ได้ จะบอกว่าตามติดไม่ละเอียดก็ไม่ได้ ต้องคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ท่านพล.อ.ประวิตรอาจจะพูดว่าเวลาไปตามก็โวยวาย เขาเป็นผู้ต้องสงสัย เขาเป็นผู้ต้องหา ประกันตัวมาคดีใหญ่มูลค่าเยอะก็ต้องตาม จะบอกว่าไม่ตามไม่ได้แต่ว่าเอาล่ะก็หนีหายไปแล้ว ถึงเวลานี้ผมเรียนว่าถึงจะหนีหายไปอย่างไรคดีคุณยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างนี้ครับ ไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ก็ดูครบรอบ 1 เดือน มาปรากฏตัวหรือไม่ ถ้ามาปรากฏตัวในระยะนี้ก็พอได้อยู่ พรรคเพื่อไทยก็ออกแถลงการณ์ว่าเดี๋ยวคุณยิ่งลักษณ์จะออกมาพูดให้เข้าใจ คุณทักษิณก็ขยับมาแล้ว แต่ข้อเท็จจริงที่ยังมีที่ต้องติดตามกันต่อ คุณยิ่งลักษณ์ยังมีอีกหนึ่งคดี คดีทางแพ่งที่คุณยิ่งลักษณ์จะต้องรับผิดชอบ เพราะคณะกรรมการความรับผิดชอบทางแพ่งได้เรียกค่าเสียหายทั้งสิ้น 35,000 ล้านบาท จากยอดความเสียหายทั้งสิ้น 170,000 ล้านบาท เรื่องนี้ก็ดำเนินการต่อไปต้องตามไปดูเรื่องการอายัดทรัพย์และการตามยึดว่า รัฐจะดำเนินการยึดได้หรือไม่ มีการจำหน่ายถ่ายเทโอนทรัพย์ไปแล้วหรือไม่ เพราะคุณยิ่งลักษณ์มีทรัพย์สินมากมายมหาศาลก่อนหน้านี้ถือหุ้นหลายที่เงินทองตอนที่แจงกับ ป.ป.ช. 500 ล้านบาท แต่วันนี้ต้องดูว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ ผมคิดว่านี่เป็นประเด็นที่ คสช. และรัฐบาล เพราะเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและ คสช. โดยเฉพาะที่ต้องดำเนินการและควรทำให้ประชาชนชัดเจนในเรื่องนี้เสีย

 

ผกามาศ : ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เส้นทางหนีของคุณยิ่งลักษณ์ ช่วงหน้าเรากลับมาติดตามพูดคุยเรื่องนี้กันต่อค่ะ 

 

ผกามาศ :  กลับมาพูดคุยกันต่อกับสนธิญาณฟันธงตรงประเด็นเรื่องการหายตัวไปของคุณยิ่งลักษณ์ยังเป็นประเด็นที่ยังพูดกัน แน่นอนว่าคงอีกยาวนาน พี่ต้อยไม่คิดบ้างหรอคะว่าคุณยิ่งลักษณ์จะเพิ่งมีการมาตัดสินใจหรือเปลี่ยนใจในการหนีไป


สนธิญาณ : คำถามที่ถามว่าทำไมถึงมาตัดสินใจแล้วก่อนหน้านี้ทำไมคิดว่าไม่หนีแล้วถึงมาหนี เพราะคำพิพากษาก็ยังไม่รู้ สมมติว่าเขาอาจมีความสัมพันธ์รู้จักกับใครบางคน ผู้พิพากษาบางคนก็รู้แค่คนเดียว ไม่สามารถรู้ถึงคนถึงสองคนไม่สามารถจะรู้ภาพรวมได้ แต่โดยข้อเท็จจริงนั้นรู้อยู่แล้วว่าโอกาสองค์ประกอบความผิดนั้นผิดอยู่แล้ว และที่สำคัญผมเป็นคนที่ฟันธงมาแต่ไหนแต่ไรว่าคุณยิ่งลักษณ์หนี คุณทักษิณยังหนีเลย 


ผกามาศ : คนละคนกัน


สนธิญาณ : นี่ไงคนละคนกัน ทักษิณยังหนีเลยนับประสาอะไรกับยิ่งลักษณ์จะไม่หนี เมื่อคุณทักษิณโดดมาเล่นการเมืองโดยตัวเอง มุ่งหวังมีความเป็นใหญ่เป็นโตทางการเมือง ตัวเองเป็นผู้นำครอบครัว องคาพยพคนในตระกูลชินวัตรรวยเพราะอาศัยบารมีของคุณทักษิณที่มามีอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น คุณยิ่งลักษณ์ในชีวิตที่ผ่านมาโดยบุคลิกภาพ โดยความเป็นไปของคุณยิ่งลักษณ์ โดยการเจริญเติบโตมาไม่เคยคิดเล่นการเมือง


ผกามาศ : งั้นถามต่ออีกนิดนึง การที่คุณยิ่งลักษณ์หนีคิดเองหรือมีคนคิดให้


สนธิญาณ :  คุณทักษิณคิดให้อยู่แล้วเพราะตัวเองไปเอาน้องมา ทำไมตัวเองไปเอาน้องมา เพราะคุณทักษิณไม่ไว้ใจคนอื่น เหตุผลเพราะหลังจากที่หลังพรรคไทยรักไทยไปตั้งพรรคพลังประชาชนเชิญคุณสมัครมาเป็นนายกไม่ได้ดังใจ ท้ายที่สุดหักหลังคุณสมัครจนคุณสมัครเสียชีวิตก็ไม่ได้ไปเหลียวแลเสียด้วยซ้ำไป หักหลังคุณสมัครเอาคุณสมชายน้องเขยมา คุณสมชายมีอันเป็นไปถึงไปเอาคุณยิ่งลักษณ์มา การไปเอาคุณยิ่งลักษณ์มาเห็นไหม 49 วัน ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้เรื่องทางการเมือง ไม่เคยเข้าใจกลไกทางการเมืองและเมื่อมายืนอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่มีความเหมาะสมหรือความสามารถในการที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้ดูถูก นายกมาอ่านโพยไม่ได้ มาตอบผิดๆถูกๆไม่ได้ เรียนย้ำแบบนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาทักษิณรู้แล้วว่าตัวเองพาน้องมาติดคุกแล้วก็ขนาดตัวเองหนีทำไมจะไม่พาน้องหนี เมื่อหลักฐานในคดีของคุณบุญทรงชัดเจนอยู่แล้ว


ผกามาศ : แต่มีประเด็นที่คุณสุรนันท์โพสต์ถึงเพื่อนที่ชื่อว่าบุญทรง แต่มีบางข้อความที่ติดใจ คือ "พูดไม่ได้ บ้างเรื่องทางการเมืองก็ต้องตายไปพร้อมกับตัวของเขาเอง" ประมาณอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ


สนธิญาณ : ความจริงผมเรียนท่านผู้ชมต้องไปอ่านให้ละเอียดสำหรับข้อความที่คุณสุรนันท์โพสต์ถึงคุณบุญทรง เราต้องมาดูตรงนี้ก่อน คุณสุรนันท์ถือเป็นนักการเมืองคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเป็นคนสำคัญในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คุณสุรนันท์ยืนเคียงคู่กับคุณทักษิณมาโดยตลอด พักบทบาททางการเมืองไปช่วงหนึ่งก็คือช่วงที่ถูกศาลสั่งห้ามยุ่งกับกับการเมือง 5 ปี


ผกามาศ : เป็นกรรมการบริหารพรรค


สนธิญาณ : ในระหว่างนั้นไม่เข้าช่วงกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่อมาจึงเข้ามาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผมเรียนเลยนะครับ ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ต้องเป็นคู่ใจคู่คิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นเลยนะครับ ต้องไว้ใจกันขนาดนั้น คุณสุรนันท์โดดมาเป็นเลขาธิการนายก ผมถึงบอกว่าข้อเขียนนี้ก้าวข้ามไม่ได้ ไม่ใช่มีเฉพาะประเด็นนั้นต้องถอกรหัสกันให้ละเอียด กลับมาดูแบบนี้นะครับ ประเด็นแรกที่อยากให้จับประเด็นคือคุณสุรนันท์บอกว่าวันหนึ่งคุณสุรนันท์ในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็แวะไปคุยกับคุณบุญทรงเจอแฟ้มเต็มโต๊ะก็เลยพลิกดูแล้วถามว่าใครดูให้แต่ละเรื่องน่ากลัว คุณสุรนันท์กลัวอะไรถึงบอกว่าเรื่องที่น่ากลัว กลัวเพราะมีอะไรลับลมคมในซับซ้อนหรือเปล่า เพราะถ้าเรื่องปกติธรรมดาบริหารราชการแผ่นดินก็ทำไปไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว คุณบุญทรงตอบว่าตัวเองมีทีม ก็แสดงว่าบุญทรงก็ต้องคิดอยู่แล้วเหมือนกัน คำว่ามีทีมก็คงจะตรวจสอบแต่ไม่เพียงเท่านั้นคุณสุรนันท์ก็เขียนต่อไปอีกว่า "แต่เวลาคุณยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศบางทีคุยกัน คุณสุรนันท์บอกว่าคุณบุญทรงมีแววตาที่มีความกังวล" คำถามต่อไปครับว่าสิ่งที่คุณสุรนันท์บอกว่าคุณทรงกังวล กังวลเรื่องอะไร คุณสุรนันท์ก็บอกต่อว่า "ในช่วงวิกฤตมีงานหลายด้านแต่ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็เคยเตือนว่าเลือกไปแล้วให้รีบจัดการ เราเป็นเพียงเสมียน ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อนไม่สบายใจ" น้องหญิงตอบพี่สิ คำว่าเสมียนแปลว่าอะไร


ผกามาศ : ก็ทำเอกสาร


สนธิญาณ :  เป็นพนักงานทำเอกสารปกติธรรมดาคนหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ตำแหน่งรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ในกระทรวงนั้นคนสำคัญในพรรคเพื่อไทยเอง คนที่ชื่อสุรนันท์ออกมาบอกว่าเพื่อนเขาที่ชื่อบุญทรงที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เป็นแค่เสมียน และรู้ได้อีกว่าเพื่อนไม่สบายใจ แสดงว่าก็มีคนบงการเสมียนอยู่


ผกามาศ : หมายความว่าคุณบุญทรงมีแค่หัวโขน


สนธิญาณ : ก็ตามคำพูดคุณสุรนันท์แปลเป็นอย่างอื่นได้หรือครับ แปลไม่ได้ คำว่าเสมียนและมีเรื่องที่ไม่สบายใจก็แสดงว่ามีคนบงการ มีคนที่ใหญ่กว่าคุณบุญทรง


ผกามาศ : แล้วใครจะบงการได้คะ


สนธิญาณ : ก็ต้องตามดูครับ ยังไม่จบครับจดหมายของคุณสุรนันท์ต้องถอดให้ละเอียด "หลังพายุพัดผ่าน นั่งจิบไวน์คุยกันสองคน ผมถามมึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ กูพูดไม่ได้ เราร่ำสุราจนดึกแล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย ทางการเมืองบางเรื่องต้องตายไปกับเรา พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดีและผมเห็นใจเพื่อน..." ประโยคนี้สำคัญ "เห็นใจเพื่อนที่เข้าไปติดกับเงื่อนไขนั้น" เงื่อนไขอะไรครับ


ผกามาศ : ไม่ทราบค่ะ


สนธิญาณ : คุณสุรนันท์ต้องออกมาตอบครับ "ผมอาจโชคดีกว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และเพื่อนไม่โชคดีเท่า"  คุณบุญทรงไม่โชคดีอะไรครับ ตามสิ่งที่คุณสุรนันท์เขียน วันนี้ผมเรียจริง ๆ คุณสุรนันท์เห็นกับประเทศชาติบ้านเมืองเถอะครับ พรรคที่คุณสุรนันท์เติบโตมา ข้อเขียนที่คุณสุรนันท์ชัดเจน ให้ประโยชน์กับสังคมกับประเทศชาติ ว่าความจริงในการบริหารราชการแผ่นดินของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมาเอาแบบใกล้ชิดสนิทสนมเพื่อนคุณสุรนันท์ที่เป็นรัฐมนตรีมานั่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วมีฐานะเป็นเสมียน ตัดสินใจเองไม่ได้ มีเรื่องที่ไม่สบายใจ มีแววกังวลอยู่ตลอดเวลา คุณสุรนันท์บอกตัวเองโชคดีที่ไม่ไปติดกับเงื่อนไข แต่คุณบุญทรงไม่โชคดีเท่าจึงต้องติดคุก ก็เพราะเรื่องการทุจริตเพราะฉะนั้นในการทุจริตโครงการจำนำข้าวตามศาลพิพากษาคดีจีทูจีแสดงว่าคุณบุญทรงไม่ได้เป็นคนได้ประโยชน์หรืออาจจะได้ก็เป็นแค่เศษเสี้ยวเพราะเป็นแค่เสมียน เสมียนควรจะได้กินของดี ๆ หรือครับ เสมียนคงจะได้ของใหญ่ ๆ หรือครับ ก็ต้องมีคนกินแต่เราไม่รู้


ผกามาศ : พี่ต้อยมองว่าคุณสุรนันท์จะรู้ไหมคะ 


สนธิญาณ : เขาเป็นเพื่อนกัน


ผกามาศ : แล้วจะรู้ลึกขนาดนั้นเลยหรือคะเรื่องคุณบุญทรง


สนธิญาณ : ก็ต้องฝากนักข่าวทั้งหลายวันก่อนคุณสุรนันท์เปิดร้านอาหารก็เชิญนักข่าวไปกันเต็มร้าน ก็แสดงว่านักข่าวทำเนียบมีความสนิทสนมกับคุณสุรนันท์ ผมก็ไม่ค่อยมีความสนิทสนมเห็นกันอยู่ห่าง ๆ วานนักข่าวทำเนียบไปช่วยถามคุณสุรนันท์ ว่ารหัสทั้งหลายที่คุณสุรนันท์เขียนมา คุณสุรนันท์พอจะขยายให้มาได้ไหม หรือจะปล่อยให้ตายไปกับตัว หรือสุดท้ายที่คุณสุรนันท์บอกว่านับถือน้ำใจคุณบุญทรงผมคิดว่านอกเหนือน้ำใจคุณบุญทรงที่คุณสุรนันท์ควรจะคิดถึงคือประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะเงินทุกบาทที่เสียไปในคดีรับจำนำข้าวคือภาษีของประชาชน ประชาชนที่นักการเมืองทั้งหลายพูดนักพูดหนาว่าต้องการมารับใช้และทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น


ผกามาศ : คำตอบที่หลายคนอยากจะได้ยินอยู่ คือใครเป็นผู้บงการเบื้องหลัง ช่วงหน้ากลับมาฟังกันค่ะ

 

ผกามาศ : ... ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ พี่ต้อยคิดว่าอย่างไรคะ

 

สนธิญาณ : ผมคิดว่าเราไปพูดว่าใครบงการ ไม่ได้กลัว แต่เราทำข่าวมานานเราก็ต้องชัดเจนในข้อกฎหมายไประบุไม่ได้ครับว่าใครบงการแต่ต้องมีคนบงการ

 

ผกามาศ : ต้องมีแน่นอน

 

สนธิญาณ : และคนบงการนี้ถ้ามีหลักฐานชัดศาลเขาจัดการ พนักงานสอบสวน ป.ป.ช. ตำรวจ อัยการคงดำเนินการกับคนบงการไปแล้ว

 

ผกามาศ : แต่ก่อนหน้านี้ ท่านวิชาเพิ่งให้สัมภาษณ์มานะคะพี่ต้อย บอกว่าการที่จะสาวไปถึงตัวบงการ อย่าง ป.ป.ช. ชุดแรก ยังไม่ได้สาวแต่ ป.ป.ช.ชุดนี้มีหน้าที่ที่ต้องสาวแต่เชื่อว่าน่าจะสาวยาก เพราะคดีพวกนี้จะมีการตัดตอน

 

สนธิญาณ : ใช่ครับ ป.ป.ช. ชุดนี้ยังยุ่งเรื่องไม่ฎีกาคดี 7 ตุลา อยู่นะครับ ตัวผู้บงการไม่มีใครตอบได้ ไม่มีใครรู้ได้ แต่น้องหญิงต้องนึกถึงเรื่องที่ท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีความเห็นไปถึงคุณบุญทรง อาจารย์มีชัยบอกว่า คุณยิ่งลักษณ์หนีแล้วมาทิ้งคุณบุญทรง นักข่าวก็ไปถามอาจารย์มีชัยก็บอกว่า ถึงเวลานี้คนเราต่างก็รักชีวิตเพราะเขาเปิดโอกาสให้ต่อสู้แล้ว เปิดโอกาสให้ต่อสู้คือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่อาจารย์มีชัยร่างเปิดโอกาสให้อุทธรณ์ เมื่อก่อนอุทธรณ์ไม่ได้นะครับ ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงที่มีมาสู้ ถ้าหากยังมามัวกลัวว่าพูดแล้วจะไปโดนคนนู้นคนนี้สุดท้ายแล้วตัวเองก็ไม่ได้สู้ แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่คนเหมือนกันเพราะบางคนอาจจะตายแทนกันได้ ครั้งนี้ก็อยู่ที่ศาลจะพิจารณาหลักฐานต่าง ๆ กันอย่างไร ผมก็เรียนแบบนี้ที่หยิบยกถ้อยคำของอาจารย์มีชัยมา ถ้าผมพูดเองเดี๋ยวคุณบุญทรงก็ไม่เชื่อ แต่อาจารย์เป็นผู้ใหญ่เป็นคนที่มีประสบการณ์ทางการเมือง เผื่อญาติมิตรพี่น้องคุณบุญทรงฟังอยู่แล้วรู้สึกเจ็บปวดตัวเองถูกใช้ในฐานะเสมียน วันนี้ก็โดนคุกหลายสิบปี ระหว่างที่คุณที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้นำที่เป็นผู้บังคับบัญชาหนีไปแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่จะทำให้สังคมรู้ว่าผู้บงการเป็นใครคือคุณบุญทรง แต่ผมอยากเล่าให้ฟัง คุณบุญทรงเองเติบโตทางการเมืองมาได้เพราะคุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ๊แดงที่เรารู้จักชื่อกัน เจ๊แดงจริง ๆ ต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีบารมีในพรรคเพื่อไทยคนสำคัญ เขาเรียกว่าเจ้าแม่วังบัวบาน ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยก็มีอยู่หลายสาย สายกรุงเทพฯก็อยู่ภายใต้คุณหญิงหน่อย อีสานก็อยู่ที่คนโน้นคนนี้แต่ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในการดูแลของคุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ คุณบุญทรงก็ธรรมดาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณเยาวภาแต่ค่อนข้างจะถือว่าคุณเยาวภาต้องไว้ใจมากก็เพราะว่า ตอนที่คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณบุญทรงเป็นเลขานุการส่วนตัว

 

ผกามาศ : ที่พี่ต้อยบอก

สนธิญาณ :  ผมไม่ได้บอกครับ คุณสุรนันท์บอก 

 

ผกามาศ : ที่บอกว่าตำแหน่งนี้สำคัญไงคะ

 

สนธิญาณ : นั่นตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีครับ 

 

ผกามาศ : อันนี้เลขานุการ

 

สนธิญาณ : ถูกต้องครับ คือหมายความว่าเรื่องส่วนตัวทั้งหมด เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกลั่นกรอง แต่เลขานุการส่วนตัว ถ้าคนที่มานั่งตรงนี้ไม่ไว้ใจจริง ๆ ความลับทุกเรื่องต้องรู้กันหมดรวมทั้งเรื่องส่วนตัวด้วย ก็น่าจะเชื่อได้ว่าคุณเยาวภาก็คงจะไว้ใจคุณบุญทรงพอสมควร ถึงให้มานั่งตำแหน่งเลขานุการของสามีซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ความจริงเขาสนิทกันมากกว่านั้นนะครับ คุณบุญทรงมีบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับคุณบุญทรงอยู่บริษัทหนึ่ง บริษัทนี้ชื่อบริษัทบีโฟร์พีคอนซัลแตนท์แอนด์โฮลดิ้งจำกัด มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำวางแผนบริหารจัดการตรวจสอบวิเคราะห์ หรือสอบทานงบของกิจการ บริษัทนี้คนถือหุ้นใหญ่คือ นางประคอง สันติพนารักษ์ เป็นแม่ภรรยาของคุณบุญทรง

 

ผกามาศ :  ก็คือคุณแม่ของคุณปอยใจระพี 

 

สนธิญาณ : ถูกต้องครับ ปรากฏว่ามีบริษัทอีกหนึ่ง ชื่อบริษัท แอลแอลเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทบีโฟร์พีคอนซัลแตนท์แอนด์โฮลดิ้งจำกัด มีผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 90 คือคุณประคอง สันติพนารักษ์ เป็นแม่ภรรยาของคุณบุญทรง แล้วมีอีกบริษัทหนึ่งคือ  แอลแอลเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจขายสินค้าอุปโภคและบริโภคมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท บริษัทนี้คนถือหุ้นใหญ่คือ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวของคุณสมชายกับเจ๊แดง บริษัทนี้มีบริษัทบีโฟร์พีคอนซัลแตนท์แอนด์โฮลดิ้งจำกัดถือหุ้น 450,000 หุ้น อยู่ในลำดับที่ 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้น คุณชินณิชาถือหุ้นอยู่ 750,000 หุ้น มีคุมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล พี่สาวของคุณยิ่งลักษณ์อีก 300,000 หุ้น มีคุณยิ่งลักษณ์อีก 150,000 หุ้น

 

ผกามาศ : มีความเกี่ยวเรื่องกันทางธุรกิจ

 

สนธิญาณ : คนต้องเกี่ยวเนื่องกันสัมพันธ์กันบริษัทถึงมาทำร่วมกันก็เห็นชัดว่าคุณบุญทรงทำงานร่วมกับคุณเยาวภามา วันนี้น่าแปลกใจคุณเยาวภาหายเงียบไปเลยไม่ออกมาแสดงความเห็นอกเห็นใจหรืออะไร

 

ผกามาศ : ในโลกโซเชียลก็ไม่มีด้วย

 

สนธิญาณ : หายหมดเลย

 

ผกามาศ :  แต่ว่ามีคนหนึ่งที่วันนี้กลับมามีความเคลื่อนไหวก็คือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีกล่าวอ้างถึงคำของมงเติสกีเยอ พี่ต้อยคิดว่าอย่างไรคะที่คุณทักษิณออกมาเคลื่อนไหวช่วงนี้

 

สนธิญาณ : อาจจะปกป้องน้อง ตอนนี้ความจริงคนเขารออยู่ว่าคุณทักษิณจะแถลงพร้อมกับคุณยิ่งลักษณ์เมื่อไหร่ เพราะจริง ๆ พรรคเพื่อไทยเขาออกแถลงการณ์ คุณทักษิณว่าแบบนี้ครับความจริงรู้กันแล้ว "มงเติสกีเยอ เคยกล่าวว่า ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม" คือพูดง่าย ๆ ต้องการจะบอกว่าตัวเขาหรือคุณยิ่งลักษณ์ที่โดนอยู่ในตอนนี้เขาถูกกระบวนการยุติธรรมทำร้าย แต่ไม่ได้พูดหรอกครับว่าความเสียหาย 750,000 ล้านบาทของคดีจำนำข้าว และศาลตัดสินคดีคุณบุญทรงแล้วว่าทุจริตเป็นอย่างไร

 

ผกามาศ : มีนัยยะอะไรมากกว่านี้ไหมคะที่พี่ต้อยมอง

 

สนธิญาณ : เพื่อจะแปลว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศรับใช้การเมือง การเมืองมาใช้กระบวนการยุติธรรมเล่นงานเพื่อจะเอาไปเป็นเครื่องมือในการขอลี้ภัยของคุณยิ่งลักษณ์ไงคะ พอนึกภาพออกไหมครับ เพราะจู่ ๆ จะไปขอลี้ภัยต้องมีเหตุผลว่าถูกกระทำทางการเมืองเท่านั้น ถ้าถูกคดีทุจริตถูกกระบวนการของศาลลี้ภัยไม่ได้ จะลี้ภัยได้ก็ต่อเมื่อเป็นคดีทางการเมืองจึงพยายามบิดเบือนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยที่มาตัดสินคดียิ่งลักษณ์ถูกการเมือง เพราะการเมืองมาใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมเล่นงานเขา เพราะฉะนั้นต้องรอนาทีสุดท้ายเพราะพรรคเพื่อไทยเขาบอกว่าเดี๋ยวหวังว่าคุณยิ่งลักษณ์จะมีคำชี้แจงต่อสาธารณชนเมื่อถึงเวลาอันควร

 

ผกามาศ : ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็ออกมาแถลง 3 ข้อ 

 

สนธิญาณ : ในครั้งเดียวกัน นโยบาย 3 ข้อ ผมคิดว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ผมชอบสาระสำคัญตรงนี้ครับ แถลงว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าของพรรคนั้น..."  คุณยิ่งลักษณ์เป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าของพรรคเพื่อไทยว่า แต่ประชาชนคนไทยช่วยตัดสินหน่อยเอะครับว่าคนที่ทำให้บ้านเมืองวินาศไปหลายแสนล้านบาทนั้นยังมีคุณค่ากับประเทศนี้หรือไม่ครับ

 

ผกามาศ :  ถ้าพี่ต้อยพูดแบบนี้ พรรคเพื่อไทยแถลงแบบนี้ก็แสดงว่าทางพรรคเพื่อไทยเองเขาไม่ได้มองว่าคุณยิ่งลักษณ์หนี ไม่ได้คิดอย่างนั้นสิคะ

 

สนธิญาณ : เขาชัดเจนเป็นบอกว่าเป็นคนมีคุณค่าและจะออกมาแถลง ถ้าคุณยิ่งลักษณ์เป็นคนมีคุณค่าและผมก็เรียนว่าคุณยิ่งลักษณ์อาจจะมีคุณค่าสำหรับพรรคเพื่อไทย แต่จะมีคุณค่าสำหรับประเทศไทยหรือไม่นั่นเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยต้องไปตัดสินใจจากความเสียหายนับแสนล้าน ที่คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยทำให้เกิดขึ้นกับประเทศนี้กับภาษีของท่านทุกคน

 

ผกามาศ : คงไม่ต้องสรุปใด ๆ ในวันนี้นะคะกับสนธิญาณฟันธงประเด็น ยังคงฟันธงตรงประเด็นเหมือนเดิม วันนี้ขอบคุณพี่ต้อยมากเลยครับ วันนี้ลาไปก่อนพบกันใหม่วันเสาร์หน้า วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ