กรรมที่ก่อโทษถึงตายตกไปตามกัน?! อัยการสั่งฟ้อง"ผู้กองเหน่ง-พวก" ฆ่า"ผอ.อ้อย" แล้ว โดนหนัก 10 ข้อหา-โทษฉกรรจ์ถึงประหารชีวิต

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

สั่นสะท้าน-รอรับผลกรรมโหดที่ก่อ?! อัยการสั่งฟ้อง "ผู้กองเหน่ง หรือร้อยเอกศุภชัย ภาโส" และพวกอีก 3 คน เจตนาฆ่า "ผ.อ.อ้อย" แล้ว โดนหนัก 10 ข้อหา-โทษถึงประหารชีวิต


วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ที่ ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พนักงานอัยการ นั่งบังลังค์พิจารณาคดีอาญา ที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ได้แก่ ร้อยเอกศุภชัย ภาโส อายุ 30 ปี อาชีพ รับราชการทหาร จำเลยที่1 อยู่บ้านเลขที่ 378/214 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ในข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเอาไว้ก่อน กักขัง หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซ่อนเร้น ย้าย ทำลายศพ  น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผ.อ.อ้อย อายุ 38 ปี อดีต ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหายตัวไปนานกว่า 3 เดือน  เพื่อปิดบังการตาย พร้อมพวก คือ นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 14 ถ.ภาษีเจริญ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายวิทูรย์ ท้าวแก้ว อายุ 39 ปี จำเลยที่ 3 อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ที่ 12 ต.หัวเรือ จ.อุบลราชธานี และนายประกรรษวัต คณะพันธ์ อายุ 41 ปี จำเลยที่ 4 อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ที่ 9 ต.หัวเรือ จ.อุบลราชธานี

 

โดยขณะนี้ผู้กองเหน่ง ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกันทรลักษ์ ตั้งแต่ 16 ต.ค.60 ตามหมายขังของศาลนี้ ในคดีหมายเลขดำ ที่ ฝ 800/2560 ส่วนจำเลยที่ 2 – 4 ไม่ควบคุมตัว เนื่องจากมีข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และรับของโจร ร่วมกันเอาเสียเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ร่วมกันเอาไปเสีย หรือยึดไว้ซึ่งบัตรประชาชน ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม โดยศาลได้ประทับรับฟ้องพร้อมนัดสอบสวนในวันที่ 8 มกราคม 2561 เวลา 10.00 น. และอนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยบุคคลที่ 2 – 4 ชั่วคราว ซึ่งจำเลยที่ 2 ใช้เงินสดประกันตัว 90,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 – 4 ใช้ที่ดินประกันตัวมูลค่า 150,000 บาท โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยที่ 1 หรือ ผู้กองเหน่ง

 

อย่างไรก็ดี ผลการพิจารณาสั่งฟ้องศาลของคดีฆ่า ผอ.อ้อย โดยนายบุญเลิศ นางแหลม อุ่นอ่อน บิดา – มารดา และบรรดาญาติๆ เป็นอันมาก ต่างก็จะเฝ้าติดตามการพิจารณาคดีผู้กองเหน่งของศาล และบรรดาญาติ ๆ ต่างยืนยันว่าต้องประหารผู้กองเหน่งเท่านั้น

 

ขณะที่นายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการจังหวัดกันทรลักษ์ กล่าวถึงคดีนี้ว่า แม้คดีนี้พนักงานสอบสวนจะไม่มีประจักษ์พยาน แต่จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาครบถ้วน เช่น พยานทางโทรศัพท์ การติดต่อทางโทรศัพท์ พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานทางโทรศัพท์ที่ชี้ชัดว่า ผอ.อ้อย และผู้ต้องหาไปด้วยกันตลอดในวันที่ ผอ.อ้อยหายตัวไป โดยได้แจ้งข้อหากับ ร.อ.ศุภชัย จำนวน 11 ข้อหา รวม 13 กระทง ข้อหาหนักที่สุดคือ ข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นอันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ลอบฝังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ซึ่งมั่นใจว่าพยานหลักฐานต่าง ๆ มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์