- 07 ม.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
"ศรีวราห์" แถลงจับ 5 ผู้ต้องหาเครือข่ายค้าอาวุธสงครามผ่านเฟสบุ๊ก พบของกลางเครื่องยิง-กระสุนเป็นชนิดเดียวกับที่ใช่ก่อเหตุยิงผู้นุมนุมทางการเมือง สั่งเช็คข้อมูลด่วนหลังพบกลุ่มลูกค้าน่าสงสัย พร้อมประสานไปรษณีย์ตรวจเข้ม เหตุผู้ต้องหาสารภาพเองสแกนผ่านฉลุย
วันนี้ ( 7 ม.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ทหาร แถลงข่าวการจับกุม นายชัชชัย กาวมณี นายธนวรรธนช์ วงศ์สิรเจริญ นายรัฐกฤษฎิ์ สิรวิชญ์ชัยกร นายสุวินัย หรือดิว งามสุข และนายสุพล ฟั่นกิติ ในข้อหาร่วมกันค้าเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางอาวุธสงครามลูกระเบิด M79 จำนวน 98 ลูก ยางครอบหัวระเบิด กระสุนปืนอาก้า 10 นัด ปืนพกสั้นขนาด .38 ประดิษฐ์เอง 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุนขนาด 9 มม. กระสุนขนาด .38 จำนวน 50 นัด ลูกแสงพลุสัญญาณปืนปากกา 21 นัด
หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า เครือข่ายนี้มีการซื้อขายอาวุธปืนและอาวุธสงครามผ่านทางเฟสบุ๊ค โดยสามารถจับกุมเยาวชนได้ 2 คนที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนขยายผลพบว่าเยาวชนทั้งสองได้หาซื้ออาวุธจากประเทศเพื่อนบ้าน นำมาขายให้กับลูกค้าทางออนไลน์ ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว จากการตรวจสอบพบมีผู้สั่งซื้อในหลายจังหวัดเช่น ฉะเชิงเทรา ยะลา ลำปางและเชียงราย เจ้าหน้าที่จึงขยายผลจับกุมผู้ซื้อได้บางส่วน
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุวินัย ผู้ต้องหาจังหวัดลำปาง รับสารภาพว่า นายพงษ์ดนัย เป็นผู้สั่งการ โดยจ้างให้ตนทำหน้าที่รับของผ่านทางไปรษณีย์เท่านั้น ไม่รู้ว่าของภายในพัสดุคืออะไร ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้รับค่าจ้าง 1 หมื่นบาท ขณะที่นายธนวรรธนช์ ผู้ต้องหาจากจังหวัดเชียงราย สารภาพว่ามีหน้าที่สั่งซื้อ โดยได้รับคำสั่งจาก นายรัฐกฤษฎิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าในสนามยิงปืน โดยทำมาแล้ว 3 - 4 ครั้ง ส่วนนายชัชชัย เจ้าของสนามยิงปืน ยังให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แค่ทำงานในสนามยิงปืนเท่านั้น
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบว่าเครือข่ายนี้สั่งอาวุธมาจากไหน และนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทางการเมืองหรือไม่นั้น ยอมรับว่ายังไม่มีหลักฐาน แต่อาวุธที่พบเป็นชนิดเดียวกับที่เคยก่อเหตุ ตำรวจจึงต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด อย่างไรก็ตามได้ประสานไปยังบริษัทไปรษณีย์ให้เข้มงวดในการตรวจสอบ พร้อมกันนี้ให้ตำรวจกองปราบดำเนินคดีกับผู้ต้องหาฐานฟอกเงินอีกกระทงหนึ่งด้วย
"ได้ประสานกับทางบริษัทไปรษณีย์ไปแล้วว่า ให้เพิ่มความเข้มงวดในการฉเพราะผู้ต้องหาที่จับกุมได้สารภาพว่า ใช้กระดาษฟรอยด์ และหนังสือพิมพ์ห่อหุ้มทำให้สามารถผ่านเครื่องสแกนของเจ้าหน้าที่ได้ " รองผบ.ตร.กล่าวย้ำ
ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวไทย