- 21 ม.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
กลายเป็นปัญหาคาราคาซังยืดเยื้อมานาน จนท้ายสุดพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินใจออกแถลงการณ์ตัดขาดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยเหตุผลสำคัญว่าที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมืออย่างดีพอสำหรับการแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของคนกทม.
ทั้งนี้สาระของแถลงการณ์ที่ถูกนำเสนอต่อสาธารณะ โดยเฉพาะกับชาวกทม.ก็คือข้อบ่งชี้ว่า การทำงานของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กับพรรคประชาธิปัตย์ เกิดปัญหามาโดยตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และแนวทางการพูดคุยเพื่อร่วมปรับปรุงแก้ไขที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามดำเนินการก็กลับไม่ได้รับการตอบสนองแม้แต่น้อยจากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทั้ง ๆ ที่ปัญหาต่าง ๆเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชนคนกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตามกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำมาซึ่งคำถามว่าเป็นมติของพรรคหรือการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ อย่างไร หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องขออนุมัติคสช.ให้สามารถประชุมพรรคเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบมาโดยตลอด
โดย นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกแถลงการณ์ตัดขาดความรับผิดชอบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการทำหน้าที่ ผู้ว่าฯ กทม. ว่า จากกรณีดังกล่าวสิ่งที่ต้องพิจารณาในรายละเอียดว่า การแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นมติในนามของพรรคหรือเป็นเรื่องส่วนบุคคล เนื่องจากพรรคเป็นองค์กร มีกรรมการบริหารพรรคเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน และหากมีการประชุมใดๆ จะถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะมีคำสั่งการห้ามประชุมทางการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และข้อมูลทั้งหมดตนได้แจ้งให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รับทราบแล้ว และทางม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้สั่งการจากต่างประเทศให้ประชุมผู้บริหาร กทม. ทั้งหมด ในวันที่ 22 มกราคม 2559 นี้ เวลา 14.00 น. เพื่อหารือและหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว และจะมีการแถลงข่าวท่าทีอีกครั้ง ในวันเวลาดังกล่าว
จากสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าง คงต้องไปพิจารณาในเชิงการเมือง คือ ปัญหาระหว่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับพรรคประชาธิปัตย์ สุกงอมเพียงพอถึงขั้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาประกาศตัดขาดม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2539 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ต่อสาธารณชนหรือไม่
โดยจากการย้อนข้อมูลกลับไป พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงปี 2539 หลังจากร่วมก่อตั้งพรรคนำไทย กับ ดร.อำนวย วีรวรรณ และมีสถานะเป็นรองเลขาธิการพรรคนำไทย พร้อมลงเลือกตั้งในเขต 6 กทม . แต่สอบตก ก่อนที่จะหวนลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคประชาธิปัต ย์ และเป็นส.ส.ครั้งแรกในเขตเลือกตั้งที่ 6 บางรัก สัมพันธวงศ์ สาทร แขวงยานนาวา และแขวงทุ่งมหาเมฆ
ที่น่าสนใจก็คือแม้จะเป็นส.ส.สมัยแรก แต่ก็ได้ความไว้วางใจจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในรัฐบาลชวน หลีกภัย เมื่อปี 2540 -2543 และยังคงทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะสมาชิกผุ้แทนราษฎรมาโดยตลอด จนปี 2551 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ตัดสินใจลาออกผู้ว่าฯกทม.กระทันหัน เพราะถูกปปช.ชี้มูลความผิดเกี่ยวโยงการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กทม.มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2551
ส่งผลทำให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ในวันที่ 11 ม.ค. 2552 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสนามแข่งขันกับบุคคลสำคัญ อย่าง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี จากพรรคเพื่อไทย , ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ , อ.แก้วสรร อติโพธิ และ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ซึ่งปรากฏว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนที่ 15 ด้วยคะแนนถึง 9.35 แสนคะแนน หรือคิดเป็น ร้อยละ 45.41 ส่วนนายยุรนันท์ ได้คะแนน 6.12 แสนคะแนน หรือ คิดเป็นร้อยละ 29.72
และถึงแม้ในช่วงการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และคนกรุงเทพมหานคร ทั้งการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมปี 2554 การแก้ไขปัญหาการจราจร รวมถึงปัญหากล้องวงจรปิดในช่วงสถานการณ์การเมืองในปี 2552 -2553 และพบว่ากล้องที่ถูกนำติดตั้งไม่ใช้สามารถใช้งานได้จริง เนื่องจากเป็นกล้องดัมมี่หรือกล้องหลอกกว่า 600 ตัวตามจุดสำคัญ ๆ ต่างในกทม.
แต่เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์ โดยเสียงส่วนใหญ่ของกรรมการบริหารพรรค หรือ 9 คนจาก 15 คน ยังคงตัดสินใจเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง แม้ว่ากรรมการบริหารอีกบางส่วนเห็นว่า นายกรณ์ จาติกวณิช น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่าก็ตาม
ประเด็นสำคัญก็คือในวันที่ 28 ธ.ค. 2555 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สมัยที่ 2 แสดงความมั่นใจ ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะชนะคู่แข่งอย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย และระบุด้วยตัวเอง ว่า “ การทำงานของผู้ว่าฯ กทม.จะมีการประสานกับพรรคมากขึ้น หลังจากที่พรรคได้แก้ข้อบังคับการจัดระบบการทำงานท้องถิ่นที่จะต้องมีระบบรายงานต่อพรรคมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการบริหารของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นรัฐอิสระจากพรรคนั้น เป็นเพียงระยะห่างที่พรรคเปิดโอกาสให้บริหารเต็มที่ แต่หลังจากนี้พรรคจะติดตามการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.มากขึ้นหากได้รับเลือกตั้ง ”
ต้องยืนยันว่าไม่มีใครจะชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือข้อตกลง ระหว่างนายอภิสิทธิ์กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เมื่อปี 2555 ได้ละเอียดเท่ากับบุคคลทั้งสอง จนมาซึ่งสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าผู้ว่าฯกทม.และพรรคประชาธิปัตย์จะทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น และก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดไว้กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะย้อนกลายเป็นประเด็นปัญหาอีกครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนนำมาซึ่งแถลงการณ์ตัดขาดระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
จุดหนึ่งที่ต้องพิจารณา ก็คือในวันพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ และมีข้อมูลว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ส่งเอกสารอ้างอิงต่อกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามี สก.และสข.พรรคประชาธิปัตย์ ถึง 44 คน จาก 46 คน ที่ให้การสนับสนุนตนเองลงชิงชัยผู้ว่าฯกทม.แข่งกับ พล.ต.อ.พงศพัศ และสิ่งที่ปรากฏจากผลการเลือกตั้ง หรือ คะแนนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับท่วมท้นจากคนกรุงเทพฯกว่า 1.26 ล้านคะแนน หรือ คิดเป็นร้อยละ 47.75 ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และทีมงาน จนมองข้ามปฏิสัมพันธ์กับนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่
โดยเฉพาะกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรอยร้าวลึก ระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเกิดมาโดยตลอดนับตั้งแต่ต้นปี 2558 โดยเฉพาะกับกรณีฝนตกหนักกรุงเทพมหานคร จนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน และนำมาซึ่งคำพูดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในเชิงเสียดสีให้คนกรุงเทพฯไปอยู่บนดอยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วม จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกโจมตีอย่างหนัก ในฐานะเป็นผู้เลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. จนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ ต้องโพสต์เฟสบุ๊คส์ขอโทษคนกรุงเทพฯแทนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ขณะที่การบริหารภายในกรุงเทพมหานคร ก็ถูกจับตาว่ามีปัญหาหรือไม่ เพราะมีการลาออกจากตำแหน่งของข้าราชการเมืองหลายตำแหน่ง อาทิเช่น
1.น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างปัญหาด้านสุขภาพ
2.นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. อ้างเหตุผลไปศึกษาต่อปริญญาเอก
3.น.ส.วราพร ตระกูลชีวพานิตต์ ลาออกตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างว่าต้องการไปทำกิจการส่วนตัว รวมถึงต้องการไปสมัครเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย
4.นายสัญญา จันทรัตน์ ลาออกตำแหน่ง เลขานุการผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างถึงเหตุผลด้านภารกิจการประกอบอาชีพเป็นทนายความ
และที่ดูเหมือนจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายก็คือ กรณีที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ และนายวัชระ เพชรทอง 2 อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงวิพากษ์วิจารณ์การบริหารกทม.ในเชิงส่อทุจริตงบประมาณ ใน 3 เรื่องสำคัญ คือ
1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่มีการอ้างว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. มีการอนุมัติงบประมาณ ติดตั้งจำนวน 47,000 กว่าตัว แต่มีการติดตั้งจริง 11,000 ตัว
2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 17 ปี หรือ หมดอายุในเดือนธันวาคม 2572 จนเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุน) เนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทยก่อนอนุมัติดำเนินการ รวมทั้งยังผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้ว) เพราะไม่มีการเปิดซองประมูลราคา
3.โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง จำนวน 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 58 - 31 มกราคม 2559 ด้วยวงเงินมูลค่า 39.5 ล้านบาท และมีข้อบ่งชี้ว่าอาจเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงมีลักษณะการจัดทำสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับบริษัทเอกชนบางราย
ไม่เท่านั้นเป็นทางด้านนายอภิสิทธิ์เองที่ออกมายอมรับผ่านสื่อ ว่า ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ เป็นฝ่ายขอเลื่อนนัดถึง 2 ครั้ง 2 ครา เพื่อเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และรวมถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในสายของนายอภิสิทธิ์ ยังระบุว่าที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ปฏิเสธการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ถึงปัญหาความขัดแย้ง แม้กระทั่งการรับสายโทรศัพท์ก็ตาม
อย่างไรก็ตามกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับนายอภิสิทธิ์ และกลุ่มอดีตส.ส.กทม. มีข้อน่าสังเกตว่ามีทิศทางตรงข้ามกับกลุ่มส.ส.ภาคใต้ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาพรรคประชาธิปัตย์ และรวมถึงตัวนายสุเทพ ที่ระบุว่า ปัญหาระหว่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องกลับทบทวนบทเรียนว่า ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร และหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้คือ ทำให้พรรคเป็นที่คาดหวังของประชาชนว่าสามารถพึ่งพิงได้ พร้อมให้กำลังใจม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยขอให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสเพื่อเดินหน้าทำงานให้กับคนกรุงเทพฯต่อไป
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครกับพรรคอาจมีปัญหาการประสานงานบ้าง แต่เชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นคนรู้จักบุญคุณคน และรู้ดีว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่ทำให้ได้ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เพราะพรรคระดมช่วยกันเต็มที่ รวมทั้งยังเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นนักประชาธิปไตยคนหนึ่งที่จะเปิดใจกว้าง ยอมรับการตรวจสอบการทำงานของตัวเอง แน่นอน
คงต้องติดตามปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ว่าจะบานปลายหรือไม่ โดยเฉพาะปมลึกๆ ที่ถูกฝังรากลึกมานานจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร และกรณีที่เกิดกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์คงเป็นเรื่องที่ยังไม่น่าจะจบลงง่าย ๆ แน่นอน จากผลการสำรวจความเห็นของกรุงเทพโพลที่สะท้อนว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์กำลังลดลงเรื่อย ๆ