"คสช." ห่วง ! "ปชช." หลังอากาศเเปรปรวน สั่ง "กกล.รส." เข้าช่วยเหลือทันทีที่ได้รับผลกระทบ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม www.tnews.co.th

"คสช." ห่วงสภาพอากาศแปรปรวน กำชับ "กกล.รส." ฝ่ายปกครอง ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบทันทีในทุกเรื่อง พร้อมให้สานต่องานช่วยภัยแล้ง และดูแลการรับซื้อยางให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรง

 

วันนี้(25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พลเอก วลิต โรจนภักดี รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน ได้แสดงความห่วงใยถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ในขณะนี้ พร้อมกำชับให้ทุกส่วนเข้าดูแล และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในเรื่องอากาศที่หนาวเย็น ให้ดูแลการแจกจ่ายเครื่องกันหนาว และการดูแลด้านสุขภาพ ในเรื่องการป้องกันอุบัติภัยในท้องถนนจากทัศนะวิสัยที่จำกัดต่อการขับขี่ ให้เพิ่มมาตรการอำนวยการจราจร สัญญาณไฟ เข้มงวดในมาตรการความปลอดภัยบนท้องถนนกับรถบริการสาธารณะ การเพิ่มเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบนท้องถนน ส่วนในเรื่องวาตภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย และฝ่ายปกครอง เข้าดูแลประชาชนที่บ้านเรือนเสียหายโดยทันที ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนช่วยกันแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังเรื่องอุบัติภัย อัคคีภัย การดูแลบ้านเรือนให้มีความแข็งแรง โดยในทุกการช่วยเหลือขอให้ชุมชน หรือท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมดูแลผู้ที่มีความเดือดร้อน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเกื้อกูล ความรักความสามัคคีและความปรองดองสมานฉันท์ ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและ คสช. ที่มุ่งดูแลให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังเป็นความห่วงใยของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อประชาชนด้วย

 

สำหรับ การเริ่มมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ด้วยการเปิดตลาดรับซื้อยาง ซึ่ง คสช. โดย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้เข้าช่วยกำกับดูแลและสนับสนุนการรับซื้อดังกล่าวตามที่รัฐบาลมอบหมายนั้น ในวันนี้การยางแห่งประเทศไทยกำหนดเปิดตลาดรับซื้อยาง จำนวน ๓๗๓ ตลาด ใน ๓๕ จังหวัดทั่วประเทศ (ภาคใต้ 320 ตลาด ใน 13 จังหวัด, ภาคตะวันออก 13 ตลาด ใน4 จังหวัด, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 28ตลาด ใน 10 จังหวัด, ภาคเหนือ 12ตลาด ใน 8 จังหวัด) ซึ่งรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยดำเนินการด้วยความรอบคอบเป็นไปตามมาตรการและขั้นตอนที่ภาครัฐกำหนด ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรง มีความเป็นธรรม รวมทั้งให้มีการประเมินผลการปฏิบัติด้วย

 

ส่วนการปฏิบัติงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรนั้น ขณะนี้ได้มีการสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและผู้นำชุมชนถึงสถานการณ์น้ำและวิกฤตภัยแล้งตลอดจนชี้แจงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ ควบคู่ไปกับการสำรวจความต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้พบว่ามีเกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานเข้าร่วมโครงการปลูกพืชใช้น้ำน้อย 167,890ครัวเรือน และโครงการปรับเปลี่ยนอาชีพทดแทนการทำนาปรัง819,703 ครัวเรือน ซึ่งภาครัฐกำลังเร่งดูแลเรื่องการรองรับผลผลิตจากเกษตรกรและดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างเต็มที่

 

นอกจากนี้ ในงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของศูนย์ดำรงธรรม กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่ ยังคงเข้าช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ อาทิ ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกใน จ.พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ การดูแลกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ อ.เอราวัณ จ.เลย  การกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำ ซึ่งได้รับความร่วมมือร่วมใจเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน ทำให้ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถกำจัดผักตบชวาได้ถึง 1,727ตัน และจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่วนความคืบหน้าในการสนับสนุน “การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ” ที่คลองลาดพร้าว กทม.นั้น

 

ขณะนี้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย และส่วนราชการที่รับผิดชอบได้ดำเนินการปักธงแสดงแนวเขตการสร้างเขื่อนริมคลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นระยะทาง ๔๕.๒ กิโลเมตร จากนั้นจะเริ่มการก่อสร้างเขื่อนตามแผนงานต่อไป ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือจากประชาชนริมคลองให้ดำเนินการตามแผนงาน
ที่ทางราชการกำหนด

 

อย่างไรก็ตาม ในทุกการปฏิบัติงาน ทั้งในเรื่องการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะงานเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล การดูแลความสงบเรียบร้อยและงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่ผ่านมา คสช. และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้รับความร่วมมือและการตอบรับที่ดีจากประชาชน เป็นผลให้มีความคืบหน้าในการดำเนินงานในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน คสช. จึงขอขอบคุณในความร่วมมือและความตั้งใจจริงของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าตามโรดแม็ปที่วางไว้