"อภิสิทธิ์" เผยปชป. ขอปลีกตัวเรื่อง "หม่อมหมู" !!  ปัดมีปัญหาส่วนตัว

ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th

 


วันนี้ ( 28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ประกาศว่า จะไม่ลาออกจากการเป็น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ท่านก็ยังเป็นสมาชิกอยู่ คือความเป็นสมาชิกไม่ได้มีผลกระทบ แต่ว่าสิ่งที่พรรคแถลงไปนั้นเพื่อบอกความจริงกับประชาชน แล้วก็ขอโทษประชาชนว่า จากที่พรรคในช่วงของการหาเสียงการเลือกตั้ง กทม. ก็ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ในการที่จะช่วยดูแลกำกับให้ข้อคิดเสนอแนะ แก้ปัญหาตามระบบของพรรคฯ ได้ ก็ต้องขอโทษประชาชนและบอกให้ประชาชนรับรู้รับทราบ แล้วต่อไปนี้ก็จะได้ถือว่า กทม.ก็ทำงานของ กทม.ไป พรรคก็ทำงานของพรรคไป คือ พรรคกำลังจะบอกว่า ขอให้ทำในนามของท่านผู้บริหาร กทม.ไปเถิด แล้วก็เอาใจช่วยด้วยว่าปัญหาต่างๆ ขอให้แก้ ขอให้ปรับปรุงการทำงานแล้ว ก็จะยกความชอบทั้งหมดให้กับผู้บริหาร กทม.

 

 


          เมื่อถามว่า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่คนเลือกท่านเข้าไป เพราะท่านเป็นประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้คือเหตุผลที่เราต้องกล่าวขอโทษ แล้วต้องบอกความจริงกับประชาชน ความจริงง่ายที่สุดเลย พวกผมก็ทำเฉยๆ ไป ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงรู้อยู่เต็มอก แล้วก็เผชิญกับข้อเท็จจริงว่า เวลาไปพบปะกับประชาชนที่ไหนแล้วเขาบอก กทม.ทำไมเรื่องนั้นมันเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ช่วยไปบอกช่วยไปอะไรที ก็คิดว่าถ้าเกิดพรรคฯ อยู่เฉยๆ ก็ทำได้ แต่มีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยซื่อสัตย์กับประชาชนแล้ว

 

 

 


          "โดยเฉพาะในสิ่งที่เราทำอยู่ คือ การพยายามไปพบปะกับผู้คน สมาคม ธุรกิจอะไรต่างๆ เขาร้องเรียนมา โดยบอกว่าคุณต้องพูดได้เพราะคุณเป็นหัวหน้าพรรค หรือว่าเขาบอกสมาชิกพรรคคนอื่นมา คุณต้องไปคุยกับ กทม.ได้สิ วันนี้เมื่อทาง กทม. ไม่ยอมรับการทำงานตามระบบอย่างนี้ ผมว่าผมก็ต้องพูดความจริงกับประชาชน แล้วตั้งแต่ที่พรรคฯ แสดงจุดยืนมาผมก็สบายใจขึ้น เพราะว่าหลายคนที่ได้พบปะกันคราวนี้เขารู้แล้ว เขาบอกโอเคเข้าใจแล้วว่า ทำไมบอกกับคนนั้น คนนี้ในพรรคไปแล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็อาจจะประสงค์ให้มีการทำงานแบบนี้ คือไม่อยากให้พรรคไปยุ่ง ก็ไม่ควรที่จะเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วก็ทำงานไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

 

 


          เมื่อถามว่า คะแนนนิยมในตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ลดลง ตรงนี้มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็เข้าใจว่า การสำรวจความนิยมขึ้น–ลง เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในมุมของคนทำงานเขาก็ต้องหาทางในการที่จะแก้ไขปรับปรุงไป ซึ่งก็เข้าใจว่าทางทีมผู้บริหาร กทม.ก็ต้องทำอย่างนั้น เมื่อถามว่า จะนำไปสู่กรณีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้จะไปตอบแทนเขาไม่ได้แล้ว บุคลากรที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดเขาจะตัดสินใจทางการเมืองอะไรอย่างไร มันเป็นสิทธิของเขาอยู่แล้ว เมื่อถามว่า กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้คุยกันบ้างหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรแล้ว ที่พรรคได้ออกมาอย่างนี้เพื่อความชัดเจนแล้ว ดังนั้นไม่ควรให้ประชาชนสับสนอีก

 

 


          "ผมไม่ได้มีอะไรส่วนตัวกับท่านนะครับ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อไป คณะผู้บริหาร กทม. ก็กรุณาทำงานตามหน้าที่ของท่าน โดยไม่ต้องเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องพูดกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้ อย่างเช่นวันนี้ผมก็เห็นท่านผู้ว่าฯ ออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่ปรึกษาท่าน ก็ไม่เคยมีการมาปรึกษาพรรคฯ เลย เพราะฉะนั้นท่านก็ทำงานของท่านไป มันเป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

 


          เมื่อถามว่า เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ครั้งหน้าพรรคจะยังส่งคนลงผู้ว่าฯ อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อนาคตเรื่องการเลือกตั้งอะไรต่างๆ ถึงเวลาที่จะต้องดำเนินการก็จะมาว่ากันอีกครั้งว่าจะเป็นอย่าไร แต่ว่าขณะนี้ก็อยากจะบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง กทม. กับ พรรค ถือว่าเป็นไปตามที่แถลงกับพี่น้องประชาชน และใครที่คิดว่ายังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรที่จะเคารพต่อการแถลงของพรรคต่อประชาชน และยึดถือตามนั้นอย่าทำให้ประชาชนสับสน ไม่เป็นผลดีกับ กทม. และไม่เป็นผลดีกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เป็นผลดีกับพี่น้องชาว กทม. ตามความชัดเจนของแถลงการณ์ไปนั้น คือแนวทางที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้ว ขณะนี้ถ้าทางผู้บริหารแก้ปัญหาอะไรต่างๆ ไป ก็ทำงานทุ่มเทไปเพื่อประชาชน ว่าไปแล้วพรรคไม่ไปยุ่งครับในเรื่องของอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าระบบของพรรคไม่สามารถจะทำงานได้ตรงนั้น และเราก็ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ

 


          เมื่อถามว่า การที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (กปปส.) มองว่า ตรงนี้ควรจะพลิกวิกฤติให้เร่งทำงานสำหรับทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ ท่านก็ควรจะทำให้ดีที่สุด และพรรคก็จะไม่ไปขัดขวาง มันแยกกันแล้ว แล้วพรรคก็ยังทำหน้าที่ทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม. ต่อไป แต่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารของ กทม.

 

 

 


          ส่วนกรณีที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกมาบอกว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ควรใช้โอกาสนี้ปฏิรูปตัวเอง ไม่ว่าบริหารงาน ภาวะผู้นำ หรือการมีประชาธิปไตยแบบส่วนร่วม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ใช่ และเป็นความตั้งใจอยู่ ก็ถึงบอกว่าจะให้ตนขยับได้ก็ต้องให้ประชุมได้ เมื่อประชุมไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้ ขนาดพรรคปรึกษาหารือกันคุยกันแล้วท่านเลขาฯ และท่านรองหัวหน้า ประมวลความคิดเห็นออกแถลงการณ์มา สิ่งแรกที่ กทม. พูด คือ ประชุมกันได้เหรอ จะไม่ยอมรับเลยว่าเป็นแถลงการณ์ของพรรค เห็นหรือไม่ว่านี่คือปัญหา ตนก็เห็นใจว่า คสช.เขาก็มีข้อกังวลของเขา เรื่องการเปิดโอกาสให้พรรคดำเนินการได้ แต่ว่าใครก็ตามที่เรียกร้องให้พรรคทำ ตนทำได้แบบไม่เป็นทางการและทำอยู่ แต่มันไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนได้ จนกว่าเราจะสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่าง

 

 

 


          "ผมยกตัวอย่างนะครับ ผมต้องการจะปรับเรื่องการมีส่วนร่วมและระบบสมาชิก โดยให้ต่อไปนี้มีส่วนร่วมคือสนับสนุนพรรคด้วย และมีส่วนร่วมในการที่จะคัดเลือกผู้สมัคร และกำหนดนโยบายเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค แต่ผมทำไม่ได้เลยถ้าผมประชุมไม่ได้ เพราะตอนนี้แม้แต่รับสมาชิกพรรคยังรับไม่ได้เลย ตนพยายามจะดึงคนใหม่ๆ เข้ามาก็ยังดึงเข้ามาไม่ได้ เพราะสมัครสมาชิกไม่ได้ แม้แต่คนเก่าๆ บางท่านไปบวช วันนี้ยังกลับมาเป็นสมาชิกไม่ได้เพราะฉะนั้นถามว่าตั้งใจจะทำอยู่แล้ว แล้วก็ยิ่งเกิดภาพที่คนมองเข้ามาว่าประชาธิปัตย์จะไป เราอยากจะพลิกให้มันเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ติดข้อจำกัดทางกฎหมาย เราก็เลยขยับอะไรค่อนข้างยาก แต่จะทำเท่าที่ทำได้นะครับ แล้วก็เดินหน้าไปเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย และคำสั่งของ คสช." นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

 

 


          เมื่อถามว่า การประกาศไม่มีส่วนรับผิดชอบในงานของ กทม. สุดท้ายแล้วจะมีผลกระทบต่อสถานภาพของนายอภิสิทธิ์ในพรรคด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านเลขาฯ เป็นคนประมวลความเห็นของกรรมการบริหาร กรรมการบริหารนั้นก็ได้ฟังสมาชิกแล้ว รองหัวหน้า กทม. ก็ฟังความเห็นของอดีตสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ก. ฉะนั้นก็เป็นการดำเนินงานที่พยายามที่จะรวบรวมปัญหา ความรู้สึกต่างๆ ซึ่งมันมีอยู่ในพรรคออกมา เพราะฉะนั้นวันนี้ตนก็เดินหน้าทำงานอย่างเดียว ในเรื่องของการเตรียมนโยบายต่างๆ เพราะบ้านเมืองก็ยังมีปัญหาเยอะ รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นที่เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของการเมืองไทยต่อไป ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ครับทำตรงนี้"