"ม็อบรปภ." โดนพิษพรบ.ใหม่ !! ยื่นหนังสือชะลอ  หวั่นข้อกม.ไม่เป็นธรรม

ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th


"ม็อบรปภ." ยื่นหนังสือถึงนายก ผ่านศูนย์บริการประชาชนเพื่อชะลอพรบ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย  -ชี้ ข้อกม.ไม่เป็นธรรม ต้องเสียค่าอบรมเสียส่วนต่างโดยใช่เหตุ  และข้อกำหนดวุฒิขั้นต่ำ เป็นผลไม่สามารถรับพนักงานได้ประมาณแสนคน 

 

 

 

วันนี้ ( 28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่ศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่ง ก.พ. กลุ่มสหพันธ์ธุรกิจรักษาความปลอดภัย (รปภ.) กว่า 100 คน นำโดยนายธนพล พลเยี่ยม เลขาธิการสหพันธ์ธุรกิจรักษาความปลอดภัย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชนเพื่อขอให้ชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้

 

 

 


          โดยนายธนพลกล่าวว่า เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวยังมีข้อบกพร่องที่กระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ประกอบการธุรกิจรักษาความความปลอดภัยสุ่มเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยไม่เจตนาของผู้ประกอบการและบางมาตราเป็นการลิดรอนสิทธิในการเลือกประกอบอาชีพ อาทิ การเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งทางบริษัทได้เสียภาษีให้แก่รัฐ เหมือนกันธุรกิจอื่น ๆ การกำหนดให้พนักงานเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการอบรมผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งทำให้บริษัทต้องเสียค่าอบรมจำนวน 2,000-6,000 บาทต่อคน เห็นว่าบริษัทไม่ควรต้องเสียส่วนต่างตรงนี้

 

 

 


          นายธนพลกล่าวว่า รวมถึงการกำหนดให้ รปภ.มีความรู้ขั้นต่ำตามการศึกษาภาคบังคับไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นผลให้ รปภ. ที่ขณะนี้มีอายุ 29 ปีขึ้นไปไม่สามารถเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ประมาณ 1 แสนคน และจะกระทบต่อสัญญาจ้างที่บริษัท รปภ.ไปดำเนินการในเรื่องรักษาความปลอดภัย การกำหนดให้จดทะเบียนบริษัทด้วยคำนำหน้าว่า "บริษัทรักษาความปลอดภัย" เป็นเหตุให้ไม่มีความคล่องตัวในการนำบริษัทไปประกอบธุรกิจอื่น และจะเป็นการสิ้นเปลืองในการจดทะเบียนอีกชื่อหนึ่ง ซึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้รัฐเอาเปรียบเอกชน โดยไม่ครอบคลุมไปถึงองค์การทหารผ่านศึก อาจเป็นการเอาเปรียบทางการค้าในอนาคต

 

 

 


          "ทั้งการเร่งออกกฎหมายดังกล่าว ขาดความรอบคอบในการศึกษา ไม่มีการฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ จึงเชื่อว่าการเร่งรีบดังกล่าวคล้ายกับมีผู้ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จาก พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงเห็นควรให้ศึกษาผลกระทบให้รอบด้านมากกว่านี้ ทั้งนี้ หากบังคับใช้จะทำให้มีคนตกงาน ขอให้รัฐบาลชะลอการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว และควรตั้งคณะกรรมการร่วมแสดงความคิดเห็น แก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงด้วย" นายธนพลกล่าว

 

 

 

ที่มาภาพจาก : มติชนออนไลน์