"บิ๊กตู่" ย้ำชัด !! ต้องหาสาเหตุ ก่อนใช้ยาแรงประหาร "คดีข่มขืน" - ปัดเลือกข้างคนทำผิด

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"พล.อ.ประยุทธ์" ชี้ไม่มีเจตนาเข้าข้างคนผิด วอนสังคมคิดอย่างรอบคอบ กรณีใช้ยาแรงประหารชีวิตจำเลยคดีข่มขืน ย้ำควรแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและเป็นสากล สร้างภูมิคุ้มกัน ปลูกฝังสำนึกที่ดี ส่งเสริมครอบครัวให้เข้มแข็งควบคู่ไปด้วย

 

วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการรณรงค์ให้ผู้กระทำผิดจากการข่มขืนได้รับโทษประหารชีวิต ว่า คำว่า "สุดโต่ง" ที่ท่านนายกฯ กล่าวนั้น ไม่ได้หมายความว่าท่านจะปกป้อง หรือเข้าข้างผู้กระทำผิด แต่ต้องการให้สังคมร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบว่า แท้จริงแล้วต้นเหตุของปัญหาคืออะไร การใช้กฎหมายรุนแรงบังคับแต่เพียงอย่างเดียว จะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่

 


"ท่านนายกฯ เห็นว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวจะต้องดูหลายมิติ ทั้งเรื่องกฎหมาย การสร้างจิตสำนึกที่ดี การสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวและสังคม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนในประเทศและป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก หากการใช้กฎหมายหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถยุติปัญหาได้ก็ต้องพึงระวัง เช่น การออกมาตรการเมาแล้วขับจับยึดรถ แม้สังคมจะชื่นชมและเห็นด้วย แต่ก็ยังมีสถิติผู้เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับเป็นจำนวนมาก" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

 


พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวท่านนายกฯ เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่และญาติพี่น้องของผู้เสียหาย และรู้สึกเจ็บปวด ไม่พอใจผู้กระทำผิดเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมองปัญหาในฐานะที่เป็นรัฐบาล ซึ่งจะต้องพิจารณาในภาพรวมอย่างรอบคอบและเป็นสากลด้วย ในมุมตรงกันข้ามหากใช้ยาแรงหรือบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรงที่สุด อาจยิ่งส่งเสริมให้ผู้กระทำผิดทำร้ายเหยื่อจนถึงแก่ชีวิต เพราะคิดว่า จะได้ไม่เหลือหลักฐานสำหรับการเอาผิดตนเองซึ่งจะมีผลถึงการรับโทษขั้นรุนแรง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน

 


"ท่านนายกฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไปศึกษาข้อมูลและหาทางออกในเรื่องดังกล่าว โดยนำกรณีศึกษาจากประเทศต่าง ๆ มาเปรียบเทียบด้วย เพื่อให้เกิดการยอมรับตามหลักสากล และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันคิดอย่างรอบด้าน เน้นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เกิดความยั่งยืน ปลูกฝังให้คนทำความดีและเกรงกลัวที่จะทำความชั่วควบคู่กันไปด้วย" พล.ต.สรรเสริญ