"ครม." เคาะงบ !! "โครงการสินเชื้อ-เพิ่มมูลค่า" ปลูกมันสำปะหลัง  วงเงินเฉียด 40 ล้าน

ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th

 


"ครม." ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการ "ปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด" โดยธกส.ปล่อยให้เกษตรกรรายย่อย 2 หมื่นราย วงเงินไม่เกิน 230,000 ราย   - ส่วนโครงการ  "ชะลอเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง"  มีเกษตรเข้าร่วม 1 แสนราย วงเงินกู้ 50,000 บ.

 

 

วันนี้ ( 10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อรวบรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มมันสำปะหลังปี 2558/59 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

 

 


          พล.ต.สรรเสริญ ชี้แจงว่า เดิมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแนวทางโครงการที่เกี่ยวกับมันสำปะหลัง 2 โครงการ คือ โครงการที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ซึ่งใช้เงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยให้เกษตรกรรายย่อยประมาณ 2 หมื่นราย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตรา FDR+1 ในระยะเวลา 2 ปี

 

 

 


          และอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1 แสนราย วงเงินกู้ 50,000 บาทต่อรายใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส.เช่นกัน โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตรา FDR+1 เช่นกัน

 

 

 


          โดยในวันเดียวกันนั้น ได้มีการเสนอเพิ่มขึ้นมาอีก 1 โครงการ คือ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในวันนั้น ครม.มีมติให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง กลับไปทบทวนโครงการใหม่ และได้นำกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้งในวันนี้ (9 ก.พ.) ครม.จึงมีมติเห็นชอบ

 

 

 


          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เดิมโครงการนี้ กำหนดระยเวลาที่รัฐจะชดเชยดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 6 เดือน แต่ครั้งนี้ให้ขยายเวลาชดเชยดอกเบี้ยเป็น 1 ปี เป้าหมายเดิมกำหนดเอาไว้ 5 แสนตัน ตอนนี้เพิ่มเป็น 1 ล้านตัน วงเงินที่ให้สินเชื่อเสนอไว้ 1,250 ล้านบาท วันนี้จึงเสนอใหม่เป็น 2,500 ล้านบาท เพราะฉะนั้นวงเงินชดเชยดอกเบี้ยที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ในอัตรา 3% หรือ 18.75 ล้านบาท เป็น 75 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาสมัครตั้งเดือน ก.พ.-ก.ค.59 ระยะเวลาโครงการ คือ ก.พ.-ส.ค. 2560 นี้

 

 

 


          โดยสาเหตุที่มีการจัดสรรโครงการสินเชื่อดังกล่าว เนื่องจากมีการประมาณการว่าผลผลิตปี 2558/59 อยู่ที่ 31 ล้านตันกว่าๆ ขณะที่ความต้องการใช้มีประมาณ 43 ล้านตัน และปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 32% จึงเชื่อว่าหากผลผลิตที่เหลือจะออกมาในช่วงเวลาที่เหลือดังกล่าว เกรงว่าราคาจะตกต่ำลงมา