- 22 มิ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด www.tnews.co.th
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ทางเศรษฐกิจและมีผลเชื่อมโยงโดยตรงกับการเมืองระดับภูมิภาคโลกอย่างแน่นอน เมื่อล่าสุดมีการเปิดเผยจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่าว่า ประเทศไทยได้เข้าเป็นประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย หรือ AIIB (Asian Infrastructure Development Bank) อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากได้ส่งมอบสัตยาบันสารต่อความตกลงว่าด้วยธนาคาร AIIB เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2559 และทำให้สถานะประเทศไทยเป็นสมาชิกของธนาคาร AIIB โดยสมบูรณ์
ทั้งนี้ นายกฤษฎา ระบุถึงผลของการเข้าเป็นสมาชิกธนาคาร AIIB ว่า จะทำให้ประเทศไทยสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของธนาคารฯ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเศรษฐกิจที่คำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย โดยขณะนี้มีประเทศสมาชิกที่ให้สัตยาบันต่อความตกลงว่าด้วยธนาคาร AIIB แล้วจำนวน 39 ประเทศจากประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งทั้งหมด 57 ประเทศ
สำหรับธนาคาร AIIB มีจุดเริ่มต้นมาจาก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีแนวคิดจัดตั้งสถาบันทางการเงินสนับสนุนเงินทุนให้กับกลุ่ม BRICS หรือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และ แอฟริกาใต้ เนื่องจากการพัฒนาประเทศด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานและโครงการพัฒนาในระยะยาวมีความจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินทุนเป็นจำนวนมาก
แต่อีกมุมหนึ่งแนวคิดของจีนในการผลักดันธนาคาร AIIB ก็ถูกมองว่ามีนัยสำคัญทางการเมืองโลก เพราะจีนต้องการสร้างดุลอำนาจทางการเงินกับสถาบันการเงินหรือแหล่งเงินทุนของโลกในปัจจุบัน อาทิ ธนาคารโลก หรือ World Bank กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Monetary Fund (IMF) ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ Asian Development Bank ( ADB)
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองขั้วอำนาจก็มีกระทบกระทั่งกันมาตลอด โดยเฉพาะปฏิกิริยาจากสหรัฐอเมริกา ที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อจีน เพราะจีนแสดงให้เห็นว่าต้องการก่อตั้ง AIIB เพื่อลดทอนการพึ่งพิงเงินทุนจากสถาบันทางการเงินหรือกลุ่มทุนเดิม ๆ ที่มีสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่นหนุนหลัง ด้วยการนำเงินสำรองจากกลุ่มประเทศสมาชิกมาใช้เป็นแหล่งเงินทุนแก่ประเทศกำลังพัฒนา สำหรับลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเชื่อมโยงให้เป็นโครงข่ายระบบคมนาคมในแถบเอเซียเข้าด้วยกัน ซึ่งมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกามองว่าท้ายสุดจะเป็นผลประโยชน์แก่จีนโดยตรง
และถ้ากลับมามองผลประโยชน์ฝั่งไทย แน่นอนว่าด้วยปฏิกิริยาทางการเมืองที่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป แสดงต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยอ้างเรื่องวิถีทางประชาธิปไตย การเข้าร่วมเป็นสมาชิกธนาคาร AIIB อย่างเป็นทางการของไทย แม้จะมีวัตถุประสงค์สำคัญในการเพิ่มทางเลือกแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อไทยโดยตรง
แต่อีกมุมหนึ่งย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้าร่วมเป็นสมาชิกธนาคาร AIIB ที่จีนเป็นโต้โผใหญ่ ย่อมถือเป็นทิ่มแทงความรู้สึกของสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก ซึ่งพยายามกดดันรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในหลากหลายรูปแบบอย่างได้ผลชะงัด สำหรับการรักษาดุลอำนาจทางการเมืองโลก และตอบโต้พฤติกรรมของชาติตะวันตกในการคุกคามประเทศไทย
ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าภายใต้แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมคมขนส่งของไทย อย่างรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนจะเกิดขึ้นเมื่อไร และทั้งไทย-จีนจะมีแผนร่วมมือการค้าการลงทุนใด ๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะทั้งหมดจะยิ่งสะท้อนภาพชัดเจนยิ่งขึ้นในการกำหนดยุทธศาสตร์การเมืองของไทย ในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าไทยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกเสมอไป ในขณะที่ไทยวันนี้มีตลาดการค้าใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน และโลกเอเซียตะวันนออก รวมถึงมีธนาคาร AIIB เป็นแหล่งสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน !!!
ขณะเดียวกันก็ทำให้คนไทยหลายคนย้อนนึกไปถึงสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2558 ว่า “ขอให้ไปบอกกับสหรัฐฯให้เข้าใจด้วยว่า การตัดเสื้อจะตัดตัวเดียวแล้วให้ทุกคนใส่ไม่ได้ ต้องมีหลายขนาดให้เหมาะกับแต่ละคน จึงต้องมีช่างตัดให้จะตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาต่างกัน แต่หากได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯทุกประเทศจะได้รับความเท่าเทียมกัน ร่วมมือกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
วันนี้ตนจะไปพูดคุยกับญี่ปุ่น และสมาชิกอีกหลายประเทศ จะมีความร่วมมือหลายมิติทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคมทั้งในและนอกอาเซียน มีอาเซียนบวกสาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียนบวกหก จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ตนเดินตลาดพวกนี้ได้ทั้งหมด...!!! ”