จริงหรือทำดีตลอดชีวิต?? "พล.ท.นันทเดช"  ย้อนอดีตคดีฉาว "พระธัมมชโย"  เตือนศิษย์ธรรมกายเลิกดราม่าได้แล้ว!!?!!

ติดตามรายละเอียด www.tnews.co.th

     จากประเด็นข้อโต้แย้งของลูกศิษย์วัดธรรมกาย  ซึ่งหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการบ่อนทำลายตัวพระธัมมชโย  และศรัทธาต่อวัดธรรมกายในระดับที่รุนแรงมากขึ้น   เพราะสิ่งที่พระธัมมชโยและลูกศิษย์วัดธรรมกายร่วมกระทำอยู่ในขณะนี้   คือการยืนหยัดไม่ยอมรับบทบัญญัติกฎหมายและพยายามลากจูงสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงด้วยวิถีทางการเมือง  จากถ้อยแถลงการณ์ว่า  พระธัมมชโยจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติมีประชาธิปไตยสมบูรณ์  ??

 

 

     ล่าสุด   พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก "พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์"   มีข้อความที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นการย้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนในทุกมิติเกี่ยวเนื่องกับพระธัมมชโยยิ่งขึ้นก่อนที่สถานการณ์อันเกี่ยวเนื่องกับวัดธรรมกายจะเดินมาถึงจุดนี้

 

     “  วันนี้ ลูกศิษย์ ธัมมชโย ออกมาพูดว่า "ธัมมชโย ทำความดีมาตลอดชีวิต"    ฟังแล้วอยากอาเจียรออกมา พวกนี้คงลืมแล้วมั้งว่า   ธัมมชโย ทำอะไรไว้บ้างในอดีต   เริ่มต้นในข้อหาว่า ร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน ใน จ.พิจิตร และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้านไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ในจ.พิจิตร และที่ จ.เพชรบูรณ์ อีก โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกศิษย์อีกเช่นกัน ต่อมา ยังมีอดีตทนายความของวัดเอง และ ลูกศิษย์วัดส่วนหนึ่ง เข้าแจ้งความดำเนินคดีพระธัมมชโยเช่นกัน ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน โดยแยกเป็นคดีความทั้งหมด 5 คดี

 

     การดำเนินคดี ผ่านมา7ปี ตั้งแต่ปี 2542-2547 เหลือ การสืบพยานอีก 2 นัด พนักงานอัยการ กลับขอถอนฟ้องจำเลย คือ พระธัมมชัยโย และ ลูกศิษย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาก็ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาล อ้างว่า จำเลยที่1กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดคืน ทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท  คืนให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว  แต่ที่มอบคืนให้นั้น  ก็เพราะจนต่อหลักฐาน  และ ใกล้เวลาที่ศาลจะพิพากษาแล้ว

 

    จำนนอย่างไร ไปอ่านที่  พี่เปลว สีเงิน    เขียนไว้ว่า "....จนที่สุด "สมเด็จพระญาณสังวร" พระสังฆราช ทรงทนไม่ไหว มีพระลิขิตออกมาฉบับแรกว่า  “การโกงสมบัติผู้อื่น ตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไปคือประมาณไม่ถึง ๓๐๐ บาทในปัจจุบัน ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ฐานผิดพระธรรมวินัย พ้นจากความเป็นพระทันที  ในกรณีนี้ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะสั่งให้สึก ไม่ว่าจะจับสึก หรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยทันที”

 

     พอมีพระลิขิตออกมา...วงแตก มหาเถรฯ ให้ติดตามว่าวัดธรรมกายมีปฏิกิริยาอย่างไรกับพระลิขิต แต่วัดธรรมกายก็ยังเฉย  สมเด็จพระสังฆราช ก็ทรงออกพระลิขิตเป็นฉบับที่ ๒-๓ จนฉบับที่ ๔ สุดท้ายออกมา  พระสังฆราชถูกกลุ่มสนับสนุนวัดธรรมกายขู่ปองร้าย ครม.ต้องมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งตำรวจมาอารักขา  และเร่งให้สนองพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยด่วน

     "นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" รมว.ศึกษาเวลานั้น เข้านมัสการสมเด็จวัดชนะฯ แจ้งว่า จะนำคดีสู่ศาลอาญาทางโลก จะให้พระเป็นโจทก์ในคดีกฎนิคหกรรม ดำเนินการทางสงฆ์ เร่งให้ ธัมมชโยโอนที่ดินและทรัพย์ส่วนนี้กลับเข้าวัด แต่ก็ได้รับคำตอบจากวัดธรรมกายว่า ให้การพิจารณาของมหาเถรฯ จบก่อน ว่าผิดจริงถึงจะโอนให้ ... ไอ้เวรเอ่ย ?? "

 

     ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้าที่อัยการจะถอนฟ้องประมาณ เดือนหนึ่ง พล.อ.อ. คงศักดิ์ฯ รมว.มท ในระยะนั้น ได้ใช้ วัดพระธรรมกาย จัดงาน “ และยังระดมเจ้าหน้าส่วนท้องถิ่น กว่า 80,000 คน มาร่วมงาน มี นาย ทักษิณฯมานั่ง เป็นประธาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาท่ีชีวิตของ นาย ทักษิณฯ และ ธัมมชโย กำลังตกต่ำคล้ายๆ กัน คือ นาย ทักษิณฯ กำลังถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่ เกือบจนมุม ไกล้หลุดจาก นายกฯ ส่วน ธัมมชโย กำลังถูกศาลพิพากษาในคดีอาญา ใกล้คุก

 

     ปัจจุบัน ก็มีคดีใหม่ ของธัมมชโย เพิ่มขึ้น อีกคดีหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะยุ่งเกี่ยวกับเงินๆทองๆ อยยู่ตลอดเวลา จึงน่าสงสัยว่าถึงขนาดนี้แล้วมหาเถรสมาคมยังหนาอยู่ได้อย่างไรกัน ??