- 28 มิ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการจัดรายการไลฟ์เฟซบุ๊คประจำวัน ( 28 มิ.ย.) ระบุว่า ภายใต้กลไกรัฐธรรรมนญตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เห็นได้ชัดเจนถึงอำนาจเผด็จการเสียงข้างน้อยในรัฐสภา ว่าเป็นอำนาจที่มีอานุภาพยิ่งกว่าเผด็จการเสียงข้างมากที่บางคนชอบแอบอ้าง เพราะแท้จริงแล้วคนเหล่านั้นได้รับแรงสนับสนุนแฝงจากลุ่มคณะบุคคล อย่างวุฒิสมาชิกและรวมถึงองค์กรอิสระ ถึงขั้นมีการจัดระบบสกัดกั้นนักการเมืองเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตยทุกรูปแบบ ตั้งแต่การจัดการเลือกตั้งไปจนถึงกระบวนการเข้ายึดอำนาจของประชาชน ซึ่งแต่ละครั้งของความขัดแย้งก็เป็นต้นเหตุทำให้ภาคประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น
ที่น่าสนใจก็คือ นายจตุพร อ้างว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ผ่านมาเป็นกรณีที่เกิดขึ้นน้อย จึงไม่ควรจะเป็นเหตุของการนำไปสู่การใช้เป็นข้ออ้างในการเข้ายึดอำนาจของประชาชน อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังคงเห็นตรงกับความคิดของทุกฝ่าย ว่านักการเมืองที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น โดยการซื้อเสียงเข้ามาต้องสมควรถูกขจัดให้หมดสิ้นไป และสรรหานักการเมืองที่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตยเข้ามาแทนที่ เพื่อสกัดกั้นวงจรอุบาทว์ของการเลือกตั้งและการยึดอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับองค์กรที่มีหน้าที่ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยกลับมีพฤติกรรมคอร์รัปชั่นอำนาจของตัวเอง โดยการเลือกทำคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไม่เสมอภาค และถ้าวิธีการทำงานขององค์กรอิสระยังเป็นไปในลักษณะนี้ ก็คงไม่มีทางปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทยได้
" ณ วันนี้สังคมเดินมาถึงจุดที่หลายคนมักตั้งคำถามว่าประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ประชาชนคนไทยครับหลายปีที่ผ่านมาเรามีความเชืื่อที่แตกต่างกัน ผมบอกเลยว่าหลายคนอาจไม่ชอบผมหรือคณะนปช.ก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าท่านรักชาติบ้านเมือง ผมเชื่อว่าท่านมีความรัก มีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ผมจะชวนอย่างนี้ว่าเราวางเรื่องส่วนตัวของเรา ที่ผ่านมาใครจะเชื่อทางการเมืองอย่างไรก็ตาม แต่ถ้ามีความเชื่อเรื่องระบอบประชาธิปไตย ว่าอำนาจต้องได้มาจากประชาชนเท่านั้น เรายังร่วมมือกันได้ ด้วยความคาดหวังว่าทุกคนจะออกไปสิทธิ์พร้อมกันในการลงประชามติ 7 ส.ค. และไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ผมอยากให้ท่านวางความรู้สึกไม่พอใจลงมา และนึกถึงประเทศไทยให้มาก ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรผมก็น้อมรับการตัดสินใจของประชาชน ผมพูดย้ำอีกครั้งว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน นายจตุพรจะแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการไม่ลงสมัครับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร ส่วนถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านใครจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลนั้น "