มาแล้ว!!!พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ปัดรับงานธรรมกายวิจารณ์DSIแนะรออัยการสั่งคดีเร่งจับพระธัมมชโยเสี่ยงหน้าแตก!!?!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

     พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ไพบูลย์  คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และดีเอสไอต่อการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย  และถูกพล.อ.ไพบูลย์ตอบโต้ว่าเป็นพวกมนุษย์พิเศษ   รวมถึงฝากให้สื่อมวลชนไปสอบถามพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ว่ามีเจตนาอะไรที่ออกมาพูดในลักษณะนั้น

 

     โดย  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ยืนยันว่าข้อเสนอในการจับกุมพระธัมมชโยโดยวิธีการวีดิโอคอนเฟอเรนซ์เป็นเรื่องกระทำได้   ซึ่ง   พล.อ.ไพบูลย์ก็บอกเองว่าสอบถามอัยการ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ว่ากรณีดังกล่าวไม่เคยทำ  ก็แปลว่าไม่เคยลองทำดังนั้นจึงไม่อยากให้รีบปฏิเสธว่าทำไม่ได้  และตนยืนยันว่าสามารถทำได้ แม้ในยุคสมัยที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะไม่เคยทำ เหมือนที่พล.อ.ไพบูลย์พาดพิงก็ตาม

 

      “ถ้าคิดว่าสำนวนคดีมีความพร้อมก็ต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรกับพระธัมมชโย แต่ถ้าให้แนะนำอยากให้ดีเอสไออยู่เฉย ๆ ไม่สร้างปัญหาไปมากกว่านี้   เพราะกระบวนการเรื่องคดีตอนนี้สำนวนคำฟ้องไปอยู่ในชั้นของอัยการแล้ว”

     พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ให้ความเห็นด้วยว่า   ส่วนตัวอยากให้ดีเอสไอรอฟังความเห็นอัยการก่อน   ว่าจะออกมาอย่างไร   เพราะสมมุติถ้าอัยการสั่งให้สอบเพิ่มหรือไม่สั่งฟ้อง มันจะเป็นเรื่องหน้าแตกของดีเอสไอ ที่พยายามจะไปค้นไปจับพระธัมมชโย  และส่วนตัวเชื่อด้วยว่าอัยการจะสั่งให้สอบเพิ่ม  เนื่องจากข้อกล่าวหาฟอกเงินและรับของโจร   ในความเห็นของตนยังไม่ถือว่าเข้าข่ายเพราะทางพระธัมมชโยอ้างว่าเป็นเงินบริจาคและนำเงินจำนวนดังกล่าวไปสร้างศาสนสถาน    จึงอยากให้อธิบดีดีเอสไอในฐานะรุ่นน้องโรงเรียนนายร้อยตำรวจใจเย็น ๆ  ค่อย ๆ ทำสำนวนคดีให้รอบคอบที่สุด แล้วรออัยการสั่งคดีถ้าอัยการเห็นควรส่งฟ้อง ตอนนั้นจะขอหมายค้นหมายจับเหมือนผู้ต้องหารายอื่นๆก็ไม่สายเกินไป

 

     ส่วนกรณีที่มีการพูดจาพาดพิงพล.อ.ไพบูลย์ว่าไม่รู้กฎหมาย และก้าวก่ายดีเอสไอจนเกินความเหมาะสม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า  สิ่งที่พูดก็มาจากข่าวที่ปรากฏให้เห็นว่าพล.อ.ไพบูลย์ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีของพระธัมมชโยอยู่บ่อยครั้ง   ซึ่งตนเห็นว่าในฐานะผู้บริหารควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรลงมายุ่งเกี่ยวคคีแล้วปล่อยให้ฝ่ายปฏิบัติทำหน้าที่ของตนเองไป

 

     “ท่านควรอยู่เฉย ๆ ท่ายจะมีเจตนาหรือวาระพิเศษอะไรก็ไปกระซิบกันข้างหลัง ไม่ต้องออกมาพูดผ่านสาธารณะให้คนมองว่ามีความพยายามจะดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เหมือนกับมีใบสั่งต้องทำให้ได้  อย่างที่ตนพูดไปว่าเป็นรมว.ยุติธรรมอย่าทำเกินหน้าที่”

 

     ตอนท้าย  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ยืนยันว่าการออกมาพูดครั้งนี้ไม่มีนัยสื่อว่าจะเลือกอยู่ฝั่งไหน  ดังนั้นกรณีหากดีเอสไอเชิญตนไปปรึกษาก็จะไม่ไป เพราะจะทำให้คนมองว่าตนยืนอยู่ฝั่งดีเอสไอ  ในทางกลับกันกรณีนี้ถ้าเป็นตนจะรอท่าทีอัยการก่อนว่าท้ายสุดจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าฟ้องก็ต้องเดินหน้าทำหน้าที่จับพระธัมมชโยให้ได้  โดยเริ่มต้นจากการอธิบายต่อสังคมถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการกับพระธัมมชโย ด้วยการนำตัวไปส่งฟ้องศาลตามกระบวนการกฎหมาย   ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นตนเชื่อว่าลูกศิษย์วัดธรรมกายจะเข้าใจได้  ถึงแม้ว่ารอบที่ผ่านมาจะมีความพยายามปกป้องพระธัมมชโยด้วยการสร้างกำแพงมนุษย์ก็ตาม และถ้ามีการขัดขวางจริง ๆ ดีเอสไอก็จะต้องเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ตามกระบวนการ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าถึงเวลานั้นแล้วคงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในตอนนี้ที่คนมองว่าเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว ...