- 28 มิ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และดีเอสไอต่อการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย และถูกพล.อ.ไพบูลย์ตอบโต้ว่าเป็นพวกมนุษย์พิเศษ รวมถึงฝากให้สื่อมวลชนไปสอบถามพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่ามีเจตนาอะไรที่ออกมาพูดในลักษณะนั้น
โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าข้อเสนอในการจับกุมพระธัมมชโยโดยวิธีการวีดิโอคอนเฟอเรนซ์เป็นเรื่องกระทำได้ ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ก็บอกเองว่าสอบถามอัยการ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ว่ากรณีดังกล่าวไม่เคยทำ ก็แปลว่าไม่เคยลองทำดังนั้นจึงไม่อยากให้รีบปฏิเสธว่าทำไม่ได้ และตนยืนยันว่าสามารถทำได้ แม้ในยุคสมัยที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะไม่เคยทำ เหมือนที่พล.อ.ไพบูลย์พาดพิงก็ตาม
“ถ้าคิดว่าสำนวนคดีมีความพร้อมก็ต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรกับพระธัมมชโย แต่ถ้าให้แนะนำอยากให้ดีเอสไออยู่เฉย ๆ ไม่สร้างปัญหาไปมากกว่านี้ เพราะกระบวนการเรื่องคดีตอนนี้สำนวนคำฟ้องไปอยู่ในชั้นของอัยการแล้ว”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้ความเห็นด้วยว่า ส่วนตัวอยากให้ดีเอสไอรอฟังความเห็นอัยการก่อน ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะสมมุติถ้าอัยการสั่งให้สอบเพิ่มหรือไม่สั่งฟ้อง มันจะเป็นเรื่องหน้าแตกของดีเอสไอ ที่พยายามจะไปค้นไปจับพระธัมมชโย และส่วนตัวเชื่อด้วยว่าอัยการจะสั่งให้สอบเพิ่ม เนื่องจากข้อกล่าวหาฟอกเงินและรับของโจร ในความเห็นของตนยังไม่ถือว่าเข้าข่ายเพราะทางพระธัมมชโยอ้างว่าเป็นเงินบริจาคและนำเงินจำนวนดังกล่าวไปสร้างศาสนสถาน จึงอยากให้อธิบดีดีเอสไอในฐานะรุ่นน้องโรงเรียนนายร้อยตำรวจใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ทำสำนวนคดีให้รอบคอบที่สุด แล้วรออัยการสั่งคดีถ้าอัยการเห็นควรส่งฟ้อง ตอนนั้นจะขอหมายค้นหมายจับเหมือนผู้ต้องหารายอื่นๆก็ไม่สายเกินไป
ส่วนกรณีที่มีการพูดจาพาดพิงพล.อ.ไพบูลย์ว่าไม่รู้กฎหมาย และก้าวก่ายดีเอสไอจนเกินความเหมาะสม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า สิ่งที่พูดก็มาจากข่าวที่ปรากฏให้เห็นว่าพล.อ.ไพบูลย์ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีของพระธัมมชโยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนเห็นว่าในฐานะผู้บริหารควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรลงมายุ่งเกี่ยวคคีแล้วปล่อยให้ฝ่ายปฏิบัติทำหน้าที่ของตนเองไป
“ท่านควรอยู่เฉย ๆ ท่ายจะมีเจตนาหรือวาระพิเศษอะไรก็ไปกระซิบกันข้างหลัง ไม่ต้องออกมาพูดผ่านสาธารณะให้คนมองว่ามีความพยายามจะดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เหมือนกับมีใบสั่งต้องทำให้ได้ อย่างที่ตนพูดไปว่าเป็นรมว.ยุติธรรมอย่าทำเกินหน้าที่”
ตอนท้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าการออกมาพูดครั้งนี้ไม่มีนัยสื่อว่าจะเลือกอยู่ฝั่งไหน ดังนั้นกรณีหากดีเอสไอเชิญตนไปปรึกษาก็จะไม่ไป เพราะจะทำให้คนมองว่าตนยืนอยู่ฝั่งดีเอสไอ ในทางกลับกันกรณีนี้ถ้าเป็นตนจะรอท่าทีอัยการก่อนว่าท้ายสุดจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าฟ้องก็ต้องเดินหน้าทำหน้าที่จับพระธัมมชโยให้ได้ โดยเริ่มต้นจากการอธิบายต่อสังคมถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการกับพระธัมมชโย ด้วยการนำตัวไปส่งฟ้องศาลตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นตนเชื่อว่าลูกศิษย์วัดธรรมกายจะเข้าใจได้ ถึงแม้ว่ารอบที่ผ่านมาจะมีความพยายามปกป้องพระธัมมชโยด้วยการสร้างกำแพงมนุษย์ก็ตาม และถ้ามีการขัดขวางจริง ๆ ดีเอสไอก็จะต้องเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ตามกระบวนการ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าถึงเวลานั้นแล้วคงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในตอนนี้ที่คนมองว่าเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว ...