7 เดือนคดีไม่คืบ!! ลูกจ้างสนง.เขตสาทรร้องน.1ลูกสาวบกพร่องสติปัญญาถูกข่มขืนคาบ้านพ้อเจ็บปวดต้องเจอหน้าผตห.ทุกวัน??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

       นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล นำผู้ปกครองของผู้เสียหายจากคดีข่มขืนกระทำชำเรา และภาคีเครือข่ายกว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีล่าช้านานกว่า 7 เดือน โดยมี   พ.ต.อ.อมร ศรีทุนะโยธิน รอง ผบก.อก.บช.น. เป็นผู้รับมอบหนังสือดังกล่าวแทน

        

     ทั้งนี้  นายจะเด็จ  ได้กล่าวถึงเหตุดังกล่าวว่าสืบเนื่องมาจากการที่ผู้ปกครองของผู้เสียหายได้เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิฯ  กรณีถูกเพื่อนร่วมงานข่มขืนลูกสาว ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้  ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2558  ที่ผ่านมา และมีแจ้งความไว้ที่ สน.ยานนาวา เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาผู้กระทำผิดคือ บุกรุกในเวลากลางคืน และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น   แต่เนื่องจากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกมา ทำให้ผู้ปกครองของผู้เสียหายมีความเครียด เนื่องจากต้องทนเห็นหน้าผู้ก่อเหตุในที่ทำงานเดียวกัน

     “จากการตรวจสอบพบปัญหาในลักษณะนี้คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจมักทำคดีล่าช้า หรือพยายามให้เกิดการไกล่เกลี่ยยอมความให้เรื่องจบลง   โดยมักจะไม่แจ้งสิทธิและข้อกฎหมายให้ผู้เสียหายได้รับทราบในขั้นตอนการสอบสวน ทั้งที่เป็นคดีอุกอาจ ร้ายแรง ตนมีข้อเสนอถึง บช.น. ให้เร่งรัดความผิดคดีเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศในพื้นที่นครบาล และขอให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่แจ้งสิทธิให้ผู้เสียหายได้รับทราบโดยเร็ว ”

 

      ทางด้านนายตุ๋ย(นามสมมติ) อายุ 53 ปี เปิดเผยว่า ลูกสาวของตน อายุ 21 ปี มีปัญหาบกพร่องทางการเรียนรู้ตั้งแต่กำเนิด  โดยในวันเกิดเหตุหลังจากตนกับภรรยาเลิกงานและกลับถึงบ้าน ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าถูกเพื่อนร่วมงานของตนบังคับข่มขืน  โดยการขับรถขยะของสำนักงานเขตสาทรมาจอดเทียบหน้าบ้าน แล้วปีนขึ้นไปทางหน้าต่างชั้น 2 ก่อนเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำ เมื่อลูกสาวตนเดินผ่านก็ออกอุบายหลอกพาขึ้นรถไป แล้วใช้กำลังบังคับข่มขืนลูกสาวตนบนรถ จากนั้นก็นำลูกสาวตนมาปล่อยไว้หน้าปากซอยเข้าบ้าน แล้วให้เดินกลับเข้าบ้านเพียงลำพัง โดยกล้องวงจรปิดจากร้านค้าฝั่งตรงข้ามสามารถจับภาพขณะเพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวขับรถขยะมาจอดไว้ได้ และเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพ แต่ในชั้นการสอบสวนดูเหมือนจะมีความไม่ปกติในหลายจุด  เช่นครั้งแรกที่นำหลักฐานวงจรปิดไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ  แต่ก็กลับทำหายจนต้องไปยื่นซ้ำอีกรอบ ขณะที่ทุกวันนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างประกันตัวออกมาและยังต้องทำงานเจอหน้ากันทุกวัน

 

      ด้าน  พ.ต.อ.อมร กล่าวว่า    สำนวนคดีข่มขืนกระทำชำเราในท้องที่สน.ยานนาวา   ตนได้ประสานไปยังหัวหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว เบื้องต้นทราบว่าอยู่ในระหว่างฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลครั้งที่ 3    โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน  ซึ่งต้องรอหลักฐานสำคัญคือผลการตรวจดีเอ็นเอ อย่างไรก็ตามหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้ให้คำมั่นว่าจะเร่งรัดติดตามผลการตรวจพิสูจน์ และสรุปสำนวนส่งฟ้องให้พนักงานอัยการพิจารณาคดีโดยเร็วต่อไป