มานิ่มแต่สื่อนัย!! "บิ๊กตู่"แย้มอาจใช้กม.พิเศษจับพวกใช้โล่มนุษย์ไม่เคารพกม.ซัดตรง...โดนคดีเมินมอบตัวอ้างรอรัฐบาลเลือกตั้งทำไม่ได้

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ  โดยช่วงหนึ่งได้พูดถึงการวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจตามมาตรา 44   ในฐานะหัวหน้าคสช. ว่า   การพิจารณาใช้กฎหมายพิเศษดังกล่าวที่ผ่านมาล้วนเป็นไปตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ หรือระงับยับยั้งสถานการณ์ที่อาจมีความรุนแรงเกิดขึ้น  แต่ขณะเดียวกันถึงแม้จะมีการบังคับใช้มาตรา 44 แต่ก็ยังมีบางกรณีที่ผู้กระทำความผิดแสดงท่าทีดื้อดึงไม่สนใจข้อกฎหมายปกติ จนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้มีการนำกฎหมายพิเศษมาใช้บังคับ

 

     “ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลยนะครับ หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้

         

     แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีนะครับ อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ก็ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจนะครับ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่อนคนเหล่านั้นจะยุติซะ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาน่ะออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย

        มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะเขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ ผมถามประชาชนทั้งประเทศซิว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อยเถอะ ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่นะ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้นะกระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้ท่านต่อสู้คดี

         

       เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้น ก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน

     หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะ ว่าผมรังแกเขาหรือเปล่าจริงแล้วล่ะก็ พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆ มันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา

         

       วันนี้เราต้องไม่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมไทยนะครับในต่างประเทศด้วย ทำไมต้องให้ผมเหน็ดเหนื่อยทำทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ผมก็ต้องไปอธิบายเขาอีก ทำไมไม่สนใจหน้าตาภาพลักษณ์ของประเทศกันเลยหรือ ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวของผมดี แต่ผมรู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร หลายคนก็รู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร แต่ทำไมคนบางคนเนี่ยไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ร่วมในขบวนการทำความผิดทั้งสิ้น”