ยิ่งสาวยิ่งฉาว!!! ผบช.ก.ตั้งชุดสอบ"หญิงไก่"โยงผิดม.112ทนายเตรียมนำเหยื่อร้องทุกข์เพิ่มชี้ประเด็นส่งสาวค้ากามบ่อนพนัน??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

         กลายเป็นประเด็นใหญ่  ที่ยังไม่รู้ว่าจะสาวไปลึกได้แค่ไหน อย่างไรกับพฤติกรรมของนางไก่ หรือ แดง  ในการแจ้งข้อหาลูกจ้างให้ได้ความเดือดร้อน  เพราะไม่พอใจที่สาว ๆ เหล่านั้นไม่ยอมทำตามที่ร้องขอ   ล่าสุด  พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  ยอมรับว่า ได้สั่งให้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนอีกชุด เพื่อตรวจสอบกรณีที่ หญิงไก่ มีพฤติกรรมแอบอ้าง เป็นคุณหญิง  ว่าเข้าข่ายในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่  อย่างไร

     ขณะที่   พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ ผู้กำกับการกองบังคับการกองปราบปราม ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมจากผู้เสียหายเพื่อประกอบการพิจารณาสำนวนเพิ่มเติมแล้ว   อาทิ คดีที่หญิงไก่ถูกฟ้องร้องที่ศาลล้มละลายกลาง และคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของหญิงไก่ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในแต่ละประเด็นหรือไม่  อย่างไร

 

 

      ทางด้าน  นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังจากพูดคุยกับครอบครัวของ น.ส.ประภาวรรณ หรือ น้องก้อย, น.ส.วณิชยา หรือ น้องมีน พร้อมด้วย นางสุกัญญา มารดาที่ได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดีจากเรือนจำ    และ น.ส.จันทนา หรือ หนูนา เหยื่อจากคดีของ หญิงไก่ โดยระบุว่า รวมถึงข้อมูลของ ทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้ขณะนี้พบข้อเท็จจริงหลายอย่างที่ยังน่าสงสัยในเรื่องการดำเนินคดีของหญิงไก่กับอดีตลูกจ้าง

         

         “กรณีนี้สภาทนายความได้มีการพิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือเหยื่อในคดีดังกล่าวแล้ว แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือคดีของน้องก้อยซึ่งอยู่ในชั้นสอบสวน ขณะนี้ได้มีการร้องพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบทรัพย์สินของหญิงไก่ ถึงที่มาของเครื่องเพชร ทองคำ และทรัพย์สินอื่นๆ ที่แจ้งความดำเนินคดีกับน้องก้อยแล้ว และในวันที่ 2 ก.ย. ที่ศาลนัดสืบพยานนั้น จะมีการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ส่วนคดีของแม่น้องมีนซึ่งอยู่ในชั้นศาล จะมีการยื่นคำร้องขอกลับคำให้การ และคดีของหนูนา ซึ่งสิ้นสุดไปแล้ว ต้องมีการฟื้นฟูคดี ส่วนการให้ความคุ้มครองกับสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวนั้น มองว่าแต่ละสำนักข่าวมีฝ่ายกฎหมายที่คอยดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว”

         

           ทั้งนี้ นายกสภาทนายความฯ มองว่าความผิดพลาดในการดำเนินคดีเกิดจากการกระจุกตัวในชั้นพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องรีบร้อนดำเนินคดีจนไม่มีเวลาในการสรุปสำนวนอย่างรอบคอบ  และพบว่าขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวลูกจ้าง 7-8 คนที่มีข้อมูลว่าหญิงไก่เคยชักชวนไปทำงานที่ต่างประเทศได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำความผิดที่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ได้ในที่สุด

      ส่วนทางด้าน  นายกมลศักดิ์ ศรีประเสริฐ ทนายความ นางสาวประภาวรรณ ใจกล้าหรือน้องก้อย  ระบุว่า   จนถึงขณะนี้คดีมีผู้เสียหายเพิ่มอีก 6-7 คน โดย 1ในผู้เสียหาย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า18ปี ถูกพาไปทำงานที่ประเทศลาวนานกว่า 2 ปี และจากการตรวจสอบ ยังพบหลักฐานอีกว่า หญิงไก่ชักชวนหญิงสาวไปทำงานที่ประเทศฮ่องกง เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว ในลักษณะงานปรนนิบัติแขกระดับสูงที่บ่อนการพนัน

 

      “ทีมทนายมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า หญิงไก่ไม่ได้ทำงานเพียงคนเดียว แต่อาจจะมีบุคคลระดับสูง อาทิ สส. นักการเมืองท้องถิ่น นายตำรวจยศนายพล และนายทหาร เข้ามาเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้เกิดการกระทำผิดดังกล่าวขึ้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทนายความจะพาผู้เสียหายจากพะเยาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงไก่เพิ่มเติม”