2 ปีคืบไม่ชัด!!! พ่อนรต.โดดร่มเสียชีวิตยื่นอสส.เร่งคดีอาญาหลังทำคดีแพ่งฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 40 ล้านช้าอืด??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

     ถือเป็นเหตุการณ์เศร้าสลดยิ่งสำหรับครอบครัวและญาติมิตรผู้สูญเสีย   จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557   ซึ่งเป็นกรณีเหตุ นรต.รุ่น 69 ซึ่งอยู่ชั้นปีที่ 2 ฝึกปฏิบัติกระโดดร่มและเป็นเหตุให้ นรต.เสียชีวิต 2 นาย คือ นรต. ชยากร พุทธชัยยงค์ และ  นรต.ณัฐวุฒิ ตีระสุวรรณสุข

 

     ล่าสุด  นายสาธร พุทธชัยยงค์     บิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ชยากร พุทธชัยยงค์ หรือโยโย่ นรต.รุ่นที่ 69 ที่ฝึกกระโดดร่มแล้วร่มไม่กาง ที่ จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2557 พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด เพื่อให้เร่งรัดคดี โดยมี พ.ต.อ.กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการประจำฝ่ายการสอบสวน 1 เป็นผู้แทนอัยการสูงสุด รับหนังสือ เพื่อให้พิจารณาต่อไปและเตรียมนำหนังสือเสนอให้อัยการสูงสุดโดยตรงเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป

        

     นายอนันต์ชัย กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ โดยชั้นสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด 11 ราย แต่อัยการจังหวัดเพชรบุรี พิจารณาสำนวนหลักฐานแล้ว เห็นว่า ผู้ต้องหา 4 รายในจำนวน11ราย ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานการบินไทย น่าจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อัยการจึงส่งสำนวนกลับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการส่งสำนวนต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบ จนมีการชี้มูลความผิดแล้ว พร้อมส่งสำนวนมาให้อัยการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 59 ต่อมาจึงทราบว่าผู้ต้องหาบางราย ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่ออัยการสูงสุด ซึ่งตนเห็นว่า อาจทำให้คดีอาญานี้ล่าช้า เนื่องจากฝ่ายบิดาผู้ตายและผู้เสียหายก็ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายกับผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปกติการพิจารณาคดีต้องรอผลทางคดีอาญา ซึ่งคดีก็ยังไม่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาล ดังนั้นวันนี้ จึงยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้เร่งพิจารณาคดีโดยด่วน

      

        “เราไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรม แต่เราขอให้อัยการสูงสุดเร่งพิจารณาสำนวนคดีเพราะความล่าช้าทำให้ความเป็นธรรมเสียไป ทั้งนี้หากการพิจารณาของอัยการมีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางรายเราจะใช้สิทธิในการยื่นฟ้องเอง”

       นายอนันต์ชัย  ระบุด้วยว่าคดีนี้มีการฟ้องแพ่งนั้นมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 99 ล้านบาท กับ การบินไทย , บริษัทอุตสาหกรรมการบิน และผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย ต่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก โดยมีการเจรจาไกล่เกลี่ยมาแล้ว 3 ครั้ง  และมีการต่อรองความเสียหายจาก  99 ล้านบาทเหลือประมาณ 40 ล้านบาท แยกเป็นผู้เสียหาย 4 ราย รายละ 10 กว่าล้านบาท ขณะที่จะมีการไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น   แต่อย่างไรก็ตามกับเหตุที่เกิดขึ้นท้ายสุดจะต้องเอาคนรับผิดมาลงโทษให้ได้

                               

       ด้านนายสาธร บิดาของนรต.ชยากร กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุได้รับการเยียวยา 250,000 บาท จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมัยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นผบ.ตร. และจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม อีก 100,000 บาท แต่กับผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาใดๆ เราจึงได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง

 

          “เงินที่เราได้รับจากหน่วยราชการ ก็นำไปใช้จัดงานศพอย่างสมเกียรติที่มี ผบ.ตร.มาร่วมด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เกินวงเงินที่ได้รับมา โดยการยื่นฟ้องแพ่ง 99 ล้านบาทนั้น พวกเราผู้เสียหายไม่ได้พูดถึงเรื่องกำไร หรือขาดทุน จากชีวิตลูกเรา แต่สิ่งที่พวกเราสูญเสียไปถือเป็นการติดลบ “