ศาลโลกตัดสิน จีนไม่มีสิทธิ์ครอบครองทะเลจีนใต้ฝ่ายเดียว (มีคลิป)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในกรุงเฮก ประกาศคำตัดสินคดีว่าจีนไม่สามารถอ้างสิทธิตามประวัติศาสตร์ว่าเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ ภายในน่านน้ำแทบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ นอกจากนั้นจีนยังได้ละเมิดสิทธิอธิปไตยของฟิลิปปินส์จากความประพฤติการปฏิบัติต่างๆ ในบริเวณดังกล่าว ทางด้านจีน ได้ออกคำแถลงตอบโต้ในทันทีว่าไม่ยอมรับผลการตัดสินและไม่ยอมรับว่าศาลแห่งนี้มีอำนาจวินิจฉัย ขณะที่ฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้ทุกๆ ฝ่ายยับยั้งชั่งใจและมีสติรอบคอบ

 

จีนซึ่งคว่ำบาตรไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับการพิจารณาไต่สวนคดีนี้ใน “ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร” ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก, เนเธอร์แลนด์ ได้ประกาศอีกครั้งว่าไม่สนใจกับคำตัดสินนี้ รวมทั้งบอกด้วยว่ากองทัพของตนจะพิทักษ์ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของตนอย่างแข็งขัน

 

เพียงไม่น่านหลังจากมีการเผยแพร่คำตัดสิน สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ประกาศว่าเครื่องบินพลเรือนของจีนลำหนึ่งประสบความสำเร็จในการทดสอบความถูกต้องได้มาตรฐานของสนามบินแห่งใหม่ 2 แห่งในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้นี้

     

นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมจีนก็ประกาศว่า เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่งได้ถูกนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ฐานทัพเรือบนเกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ซึ่งรับผิดชอบดูแลอาณาเขตทะเลจีนใต้

ทางด้าน เอียน สตอรีย์ แห่งสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ไอเซียส ยูซอฟ อิสฮัค อินสติติวท์ ของสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ผลการตัดสินคราวนี้ถือเป็นการกระหน่ำตีในทางกฎหมายที่สร้างความเสียหายยับเยินให้แก่ข้ออ้างความชอบธรรมของจีนในกรรมสิทธิ์ต่างๆ ในทะเลจีนใต้

เขาคาดหมายว่าจีนจะต้องตอบโต้ด้วยความโกรธเกรี้ยว โดยที่แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีการแสดงความเกรี้ยวกราดทางวาจา แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการปฏิบัติการในทะเลอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นอีกด้วย

จีนนั้นอ้างกรรมสิทธิเหนือน่านน้ำแทบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ โดยที่ชาติเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย, บรูไน, รวมทั้งไต้หวัน ก็อ้างสิทธิอยู่บางส่วนเช่นเดียวกัน

 

ในการพิจารณาคำฟ้องรวม 15 ประเด็นของฝ่ายฟิลิปปินส์ คณะผู้พิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแห่งนี้วินิจฉัยว่า การที่จีนอ้างสิทธิต่างๆ ตามประวัติศาสตร์เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ ภายในอาณาบริเวณที่เรียกกันว่า แนวแผนที่เส้นประ 9 เส้น ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ราว 90% ของทะเลจีนใต้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายใดๆ รองรับเลย

 

คำตัดสินบอกอีกว่า จีนได้แทรกแซงขัดขวางสิทธิในการทำประมงตามประเพณีที่เคยเป็นมาของฟิลิปปินส์ ในเขตแนวปะการังสคาร์โบโร โชล หนึ่งในแนวปะการังและโขดหินหลายร้อยแห่งซึ่งตั้งกระจัดกระจายอยู่ในทะเลแห่งนี้ รวมทั้งยังล่วงละเมิดสิทธิอธิปไตยของฟิลิปปินส์ ด้วยการเข้าไปสำรวจขุดค้นหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบริเวณใกล้ๆ รีด แบงก์ ซึ่งก็เป็นแผ่นดินที่โผล่พ้นพื้นน้ำอีกแห่งหนึ่งในทะเลจีนใต้

ไม่เพียงเท่านั้น คำตัดสินยังวินิจฉัยว่าไม่มีแนวปะการังหรือแผ่นดินว่างเปล่าแห่งใดเลยในหมู่เกาะสแปรตลีย์ซึ่งจีนควบคุมอยู่ สามารถนิยามได้ว่าเป็น “เกาะ” ซึ่งจะทำให้ได้พื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง ตามที่ฝ่ายจีนกล่าวอ้าง

 

คำตัดสินระบุด้วยว่า จีนยังได้สร้างความเสียหายอย่างถาวรให้แก่ระบบนิเวศของแนวปะการังในหมู่เกาะสแปรตลีย์ จากการถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นมาหลายแห่ง

 

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ปฏิเสธไม่ยอมรับคำตัดสินคราวนี้ โดยบอกว่าประชาชนของตนมีประวัติศาสตร์มากกว่า 2,000 ปีอยู่ในทะเลจีนใต้ และเกาะต่างๆ ของตนก็มีสิทธิที่จะอ้างเขตเศรษฐกิจจำเพาะ อีกทั้งแดนมังกรได้ประกาศต่อโลกให้ทราบถึงแผนที่เส้นประของตนมาตั้งแต่ปี 1948 แล้ว

 

 “อธิปไตยทางดินแดนและสิทธิตลอดจนผลประโยชน์ทางทะเลต่างๆ ของจีนในทะเลจีนใต้ ไม่ว่าในสถานการณ์เช่นใดก็จะไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนจากคำตัดสินเหล่านี้ จีนนั้นคัดค้านและจะไม่มีวันยอมรับการกล่าวอ้างหรือการกระทำใดๆ บนพื้นฐานของคำตัดสินเหล่านี้”

 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงยังคงกล่าวย้ำด้วยว่า จีนเคารพและยึดมั่นปฏิบัติตามในเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือและในการบินผ่านทะเลจีนใต้ อีกทั้งจีนยังคงพร้อมที่จะแก้ไขคลี่คลายข้อพิพาทต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างสันติ โดยผ่านการหารือกับรัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง

     

รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน ก็ได้ออกมากล่าวว่า คดีนี้เป็นละครตลกมาตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบ และนำเอาข้อพิพาทเข้าไปอยู่ในดินแดนอันตรายซึ่งความตึงเครียดและการเผชิญหน้ากำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ

     

แต่ หวัง ซึ่งแสดงความคิดเห็นคราวนี้โดยสื่อของรัฐนำออกมาเผยแพร่ ก็มีน้ำเสียงในทางรอมชอมมากขึ้นเช่นกัน โดยกล่าวว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำสิ่งต่างๆ กลับคืนเข้าสู่เส้นทางเดินอันถูกต้อง พร้อมกับชี้ว่ารัฐบาลใหม่ของฟิลิปปินส์ดูมีความจริงใจในการใช้จังหวะก้าวซึ่งสาธิตให้เห็นว่ามีความปรารถนาที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน

 

สำหรับฟิลิปปินส์ได้จัดการแถลงข่าวภายหลังทราบผลการตัดสินของศาลในกรุงเฮก โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศ เปอร์เฟคโต ยาซาย อ่านคำแถลงที่เตรียมไว้ซึ่งระบุว่า “พวกผู้เชี่ยวชาญของเรากำลังศึกษาคำตัดสินนี้ด้วยความรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนอย่างที่ผลการวินิจฉัยอันสำคัญของอนุญาโตตุลาการนี้สมควรที่จะได้รับ”

 

 “เราเรียกร้องให้ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความยับยั้งชั่งใจและความมีสติ ฟิลิปปินส์นั้นขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าให้ความเคารพคำตัดสินอันเป็นหลักหมายสำคัญคราวนี้ โดยถือเป็นคุณูปาการอย่างสำคัญให้แก่ความพยายามที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขคลี่คลายข้อพิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้”

 

ส่วนทางด้านเวียดนามยินดีต่อผลการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่มีต่อกรณีพิพาททะเลจีนใต้ โดยระบุว่า เวียดนามสนับสนุนการหาทางออกให้แก่ข้อพิพาทอย่างสันติวิธี ขณะเดียวกัน เวียดนามก็อ้างสิทธิความชอบธรรมเหนืออธิปไตยในทะเลจีนใต้ด้วยเช่นกัน

เล หาย บิ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามสนับสนุนข้อยุติปัญหากรณีพิพาททะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธี ซึ่งรวมทั้งวิถีทางทางการทูต และกระบวนการทางกฎหมาย และการละเว้นที่จะใช้กำลังข่มขู่ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

 

กระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม จะออกคำแถลงที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการถาวร และจะประกาศยืนยันความชอบธรรมเหนืออธิปไตยในหมู่เกาะพาราเซล และสแปรตลีย์ในภายหลังต่อไป.

หลังจากที่ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ได้ตัดสินเรื่องดังกล่าวแล้ว ปัญหาที่คาราคาซัง อยู่นั้นใช่ว่าจะจบลง แต่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของชนวนความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อจีน ประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินใด ๆ ทั้งสิ้น ก็ต้องดูปฎิกริยาท่าทีหลังจากนี้ว่าจีน จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว อย่างไรต่อ