จีน ฟิลิปปินส์ สหรัฐ อินโด เอี่ยวทะเลจีนใต้ ไฟสงครามใกล้ประทุ (มีคลิป)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ได้ประกาศคำตัดสินสำคัญชนิดที่ต้องถือว่าเป็นหลักใหม่เมื่อวันอังคารที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมรับการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนอันกว้างขวางในทะเลจีนใต้ และมอบชัยชนะให้แก่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการตีกระหน่ำในทางกฎหมายอย่างรุนแรงต่อจีน ทว่ามาถึงตอนนี้ยังไม่เป็นที่กระจ่างชัดเจนเลยว่า คำตัดสินนี้จะมีผลกระทบมากมายขนาดไหน เนื่องจากศาลแห่งนี้ไม่ได้มีหนทางใดๆ เลยที่จะบังคับให้เกิดการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตน

 

ตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่จีน, ฟิลิปปินส์, และสหรัฐฯ และอาจจะรวมถึงอินโดนีเซีย จะเดินหมากต่อไปอย่างไรในเรื่องนี้ อาจจะพอคาดคะเนได้ดังต่อไปนี้

จีนไม่ได้สงวนท่าทีใดๆ เลย และปฏิเสธทันทีทันควันว่าไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ณ กรุงเฮก นี้ โดยระบุว่ามันไม่มีผลใดๆ และเป็นโมฆะ รวมทั้งยังกำลังประณามการพิจารณาคดีคราวนี้และกระทั่งคณะตุลาการทั้ง 5 คนซึ่งเป็นผู้ทำการวินิจฉัยตัดสิน รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารนโยบายว่าด้วยการพิพาทกับฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งในนั้นปักกิ่งกล่าวเน้นย้ำจุดยืนของตนที่ว่าเกาะต่างๆ ในทะเลแห่งนี้เป็น “ดินแดนของจีนอย่างแน่นอนมาแต่ไหนแต่ไร”

     

รองรัฐมนตรีต่างประเทศ หลิว เจิ้นหมิน ยังกล่าวเตือนชาติอื่นๆ ว่าอย่าได้ท้าทายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีนในทะเลจีนใต้ พร้อมกับบอกว่าปักกิ่งมีสิทธิที่จะจัดตั้งเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันทางอากาศ (air defense identification zone) เหนือน่านน้ำที่เกิดการพิพาทอีกด้วยถ้าหากมีความจำเป็นขึ้นมา

     

ในเวลาเดียวกัน เวลานี้จีนดูเหมือนกำลังพยายามใช้ท่าทีที่นุ่มนวลมากขึ้นในการโน้มน้าวจูงใจให้ฟิลิปปินส์หวนกลับมาเจรจาหารือกันในระดับทวิภาคี โดยกล่าวว่าการที่ฟิลิปปินส์ร่วมไม้ร่วมมือกับจีนนั้นจะก่อให้เกิด “ผลประโยชน์ต่างๆ ที่แน่นอนชัดเจน”

     

พวกนักวิเคราะห์บอกว่า ในการชักจูงเกลี้ยกล่อมให้ฟิลิปปินส์ หันกลับมาพูดจากันนี้ จีนอาจจะเสนอการจัดสรรแบ่งปันทรัพยากรด้านการประมงและทรัพยากรน้ำมันและก๊าซให้กับฟิลิปปินส์ รวมทั้งให้เงินทุนสนับสนุนโครงการทางรถไฟในฟิลิปปินส์ด้วย

     

เนื่องจากศาลในกรุงเฮกแห่งนี้ไม่สามารถบังคับให้มีการปฏิบัติตามการวินิจฉัยของตน สิ่งที่คำตัดสินนี้จะสร้างผลกระทบต่อจีนส่วนใหญ่ที่สุดจึงอาจจะอยู่ในรูปของการสร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์ของจีน ในเวลาที่จีน ก็กำลังหาทางเพิ่มปากเสียงของตนในเวทีโลกและเพิ่มความชอบธรรมให้ตนเองในฐานะที่เป็นมหาอำนาจระดับโลก พวกนักวิเคราะห์ที่ศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS สำนักงานตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน) มีความเห็นว่า ในช่วงระยะกลางไปจนถึงระยะยาว คำตัดสินคราวนี้อาจช่วยทำให้จีนเกิดความแน่ใจว่าจะต้องปฏิบัติต่อมะนิลาและชาติผู้อ้างกรรมสิทธิ์รายอื่นๆ อย่างยุติธรรม

     

แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนคาดเดาว่าจีนอาจพยายามเพิ่มระดับความรุนแรงของข้อพิพาท เพื่อเป็นการลงโทษฟิลิปปินส์ที่นำเอาข้อพิพาทนี้ไปฟ้องร้อง อีกทั้งยังเป็นการป้องปรามชาติผู้เรียกร้องกรรมสิทธิ์รายอื่นๆ ว่าอย่าได้กระทำอย่างเดียวกัน ทั้งนี้ จีนอาจจะใช้มาตรการในการแข็งกร้าวยืนกรานเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น การถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นบนสันดอน “สคาร์โบโร โชล” (Scarborough Shoal) ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นแนวปะการังที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของฟิลิปปินส์ และเหตุการณ์การประจันหน้ากันกับจีนที่บริเวณนี้นั่นเอง ซึ่งทำให้มะนิลาตัดสินใจริเริ่มนำคดีนี้ไปฟ้องร้องต่อสู้ทางกฎหมายเมื่อปี 2013นับตั้งแต่ที่ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแห่งนี้ประกาศคำตัดสิน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีโดยตรงต่อการทาบทามของฝ่ายจีน ถึงแม้พวกโฆษกของเขาหลายๆ รายแถลงว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังศึกษาคำวินิจฉัยตัดสินของศาลอยู่ จีนกำลังพยายามเกี้ยวพาโปรยเสน่ห์ และดูเตอร์เตก็กำลังเดินเลี้ยงตัวเองอยู่บนเส้นลวด เนื่องจากเขาต้องการที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปักกิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็กำลังปกป้องคุ้มครองชัยชนะครั้งใหญ่ที่ประเทศชาติได้รับมาจากคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการกรุงเฮก

     

 

รัฐมนตรีต่างประเทศ เปอร์เฟคโต ยาซาย ของฟิลิปปินส์แถลงว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รัฐบาลฟิลิปปินส์จะดำเนินจังหวะก้าวต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า คำตัดสินของศาลจะ “ได้รับการปฏิบัติตามอย่างสันติ”

 

 “เราเปิดกว้างให้แก่การทำให้เกิดความแน่ใจขึ้นมาว่า เราจะมีการพูดจาทวิภาคีกับจีนในเรื่องการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการนี้” เขาบอกกับสถานีวิทยุดีแซดบีบี ในกรุงมะนิลา เขากล่าวอีกว่า “ก้าวเดินต่อไปคือการเดินไปข้างหน้า และปล่อยให้การทูตเป็นตัวทำงาน”

     

ยาซายบอกด้วยว่า ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุใดๆ ในขณะนี้

     

ชีโต สตา. โรมานา (Chito Sta. Romana) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน บอกกับเครือข่ายโทรทัศน์เอบีเอส-ซีบีเอ็นว่า สิ่งที่กำลังท้าทายดูเตอร์เตอยู่ในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถนำเอาการมีปฏิสัมพันธ์ และการป้องปราม มาผสมผสานเข้าด้วยกัน “จะใช้วิธีไหนในการผสมผสานระหว่างการเป็นเพื่อนกับจีน และการที่สามารถลุกยืนขึ้นมาและเจรจาหารือข้อพิพาทที่มีอยู่ระหว่างกัน นี่แหละจุดที่ผมคิดว่าคือปัญหาท้าทายในตอนนี้” เขากล่าว

     

สำหรับ ส.ส.แฮร์รี โรเก (Harry Roque) ของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เสนอทัศนะแบบแข็งกร้าวมากกว่า โดยกล่าวว่าถ้าจีนหันไปเลือกวิธีใช้กำลังในทะเลจีนใต้แล้ว ฟิลิปปินส์สามารถที่จะหาทางให้มีการโหวตในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เพื่อให้มีการใช้อำนาจทำการลงโทษคว่ำบาตรปักกิ่ง แต่ไม่ใช่ในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ซึ่งจีนมีอำนาจยับยั้ง

 ในทางการทูต สหรัฐฯและพวกพันธมิตรที่มีความคิดในทางเดียวกัน กำลังพยายามสร้างแรงกดดันระหว่างประเทศต่อจีน เพื่อให้ยอมรับปฏิบัติตามคำวินิจฉัยตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร

     

ในทางการทหาร คำตัดสินนี้อาจยั่วใจกองทัพเรือสหรัฐฯ ให้แล่นเรือขยับเข้าใกล้เกาะเทียมบางแห่งของจีนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยกระทำมาในอดีต ในทำนองเดียวกัน ฟิลิปปินส์และชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ ก็อาจทดสอบลองของในน่านน้ำเหล่านี้ ด้วยการทำประมงและการสำรวจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ

     

กองทัพเรือสหรัฐฯกำลังดำเนินการแล่นเรือและออกบิน ที่เรียกกันว่า เพื่อสำแดงถึง “เสรีภาพในการเดินเรือและเดินอากาศ” ในบริเวณใกล้ๆ เกาะเหล่านั้นบางแห่ง เพื่อสาธิตให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีสิทธิที่จะปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ ทว่าเท่าที่ผ่านมายังคงหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปใกล้จริงๆ อย่างน้อยก็ในทางเปิดเผย

     

คำวินิจฉัยตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการ ได้จำแนกแยกแยะเกาะต่างๆ ในความควบคุมของจีนว่า บางแห่งถือเป็นโขดหิน (rock) แต่อีกหลายๆ แห่งเป็นแค่เพียง “สิ่งที่โผล่ขึ้นมาเวลาน้ำลง” (low-tide elevations) ซึ่งจมหายไปในน้ำเวลาที่กระแสน้ำขึ้น และดังนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะอ้างทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบๆ สิ่งเหล่านี้ได้ สิ่งที่อยู่ในข่ายนี้ก็รวมถึงแนวปะการัง ฮิวส์รีฟ (Hughes Reef) และแนวปะการัง มิสชีฟรีฟ (Mischief Reef) ในแถบหมู่เกาะสแปรตลีย์ซึ่งได้เกิดการช่วงชิงกันอย่างดุเดือดในช่วงที่ผ่านมา

     

 “ในทางทฤษฎีแล้ว เราสามารถแล่นเรือเข้าใกล้ภายในระยะ 500 เมตรของ มีสชีพ รีฟ ได้ นี่เป็นความเห็นของ ไมเคิล แมคเดวิตต์ (Michael McDevitt) พลเรือตรีแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯที่เกษียณอายุแล้ว โดยมีประสบการณ์อย่างยาวนานในแปซิฟิก แนวปะการัง มิสชีฟรีฟ ซึ่งถูกจีนถมและสร้างเกาะเทียมอยู่ข้างบนนั้น ตั้งอยู่ห่างจากฟิลิปปินส์ประมาณ 210 กิโลเมตร

จอห์น แม็กเคน (John McCain) วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ผู้ทรงอิทธิพลซึ่งสังกัดอยู่กับพรรครีพับลิกัน เป็นหนึ่งในบรรดาสมาชิกรัฐสภาอเมริกันที่ออกมาเรียกร้องเมื่อวันอังคารที่ 12ให้สหรัฐฯทำการท้าทายเป็นประจำต่อ “การกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลอย่างเกินเลยของจีน”

     

พวกเขาระบุว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการส่งข้อความให้จีนรับทราบว่า จะต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ถึงแม้อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งจีนจากการกระทำในสิ่งที่จีนมองเห็นว่านั่นเป็นผลประโยชน์ของจีนเอง

 

ทางฝากฝั่งอินโดนีเซีย ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งดังกล่าวโดยตรง ก็จะเพิ่มการรักษาความมั่นคงอย่างเร่งด่วนโดยรอบหมู่เกาะของตนในทะเลจีนใต้ซึ่งเคยมีเหตุปะทะกับเรือของจีนมาก่อน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกล่าวในวันพุธ ที่ 13 ก.ค. หนึ่งวันหลังจากที่การอ้างสิทธิของปักกิ่งในทะเลแห่งนี้ถูกประกาศเป็นโมฆะ

ในการให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี รีอามิซาร์ด รีอาคูดู กล่าวว่า การเสริมการป้องกันรอบหมู่เกาะนาตูนาจะประกอบด้วยการจัดกำลังเรือรบ เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 หนึ่งลำ ขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ เรดาห์และโดรน รวมถึงการก่อสร้างท่าเรือใหม่และการปรับปรุงทางวิ่งเครื่องบิน

 

การเสริมกำลังทางทหารดังกล่าวซึ่งเริ่มต้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่ถึงปี   “นั่นเพื่อให้เราสามารถเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหมู่เกาะนาตาและพื้นที่โดยรอบในทะเลจีนใต้”

     

ต่างกับเพื่อนบ้านหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซียยืนกรานมาโดยตลอดว่าพวกเขาไม่มีข้อพิพาททางทะเลกับจีนในทะเลจีนใต้และไม่ได้คัดค้านสิทธิการครอบครองอาณาเขตใดๆ

     

แต่การอ้างสิทธิของจีนทับซ้อนเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซียรอบหมู่เกาะนาตูนา และมีการปะทะเกิดบ่อยขึ้นระหว่างเรือตรวจการณ์ของอินโดนีเซียกับเรือประมงและยามชายฝั่งของจีน

 

อินโดนีเซียเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยกับการที่จีนรุกล้ำเข้าสู่น่านน้ำของตนและหลังจากการปะทะเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ได้ไปเยือนหมู่เกาะนาตูนาด้วยเรือรบลำหนึ่งพร้อมคณะรัฐมนตรีของเขาเพื่อส่งสาสน์ถึงจีนว่า จาการ์ตาจริงจังกับการปกป้องหมู่เกาะอันห่างไกลแห่งนี้

     

นอกจากยุทธภัณฑ์แล้ว อินโดนีเซียจะส่งกองกำลังพิเศษทางอากาศและทางน้ำรวมถึงทหารบกหนึ่งกองพันไปยังหมู่เกาะนาตูนา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีค่ายทหารและบ้านพักถูกสร้างขึ้น รีอาคูดูกล่าว

     

เขายืนยันว่า อินโดนีเซียไม่ได้กำลังร่วมการแสดงแสงยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้และชี้ว่าพวกเขามีสิทธิที่จะปกป้องพรมแดนของตน      

ศาลอนุญาโตตุลาการในกรุงเฮกตัดสินคัดค้านการอ้างสิทธิอย่างกว้างขวางของจีนในทะเลจีนใต้ และตัดสินเป็นประโยชน์กับทางฟิลิปปินส์ซึ่งยื่นฟ้องคดีนี้และเป็นรัฐผู้อ้างสิทธิในข้อพิพาททางทะเลนี้ด้วย

 

จีนตอบสนองอย่างโกรธเกรี้ยวและเตือนเหล่าประเทศคู่พิพาทว่าอย่าทำให้ทะเลแห่งนี้กลายเป็น “จุดเริ่มต้นสงคราม” และอย่าคุกคามเขตป้องกันภัยทางอากาศที่นั่น ซึ่งก็ต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้ว ฟิลิปปินส์ จะหยิบยกเรื่องคำตัดสินของทางศาลอนุญาโตตุลาการ  มาใช้อย่างไร เพราะถ้าหยิบมาใช้จริง รับรองได้ว่า สงครามเกิดแน่