- 19 ก.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
สืบเนื่องจากการที่ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของนามปากกา ส. ศิวรักษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Sulak Sivaraksa" แสดงตัวตนอย่างชัดเจนในการสนับสนุนความคิดของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อการไม่ร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ ในรูปแบบที่เคยมีการประพฤติปฏิบัติมาตั้งแต่ปี 2540 แต่เลือกใช้ธรรมเนียมตะวันตก โดยการลุกจากพื้นที่เตรียมถวายบังคม ไปโค้งคำนับพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล โดยการกล่าวอ้างถึงพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 ซึ่งยังมีข้อโต้แย้งในหลายประเด็นว่าแท้จริงแล้วพระองค์มีพระราชประสงค์เพียงเพื่อไม่ต้องการให้ข้าราชบริพารถูกชาวตะวันตกประณามหยามเหยียด แต่ส่วนตัวพระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความชมชอบวัฒนธรรม การเคารพบูชาผู้มีพระคุณตามมารยาทตามแบบอย่างประเพณีไทย ฯลฯ
จนกระทั่งต่อมาการแสดงความเห็นของ นาย ส.ศิวรักษ์ เลยเถิดถึงไปถึงการก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ทัศนะมุมมองของ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เพราะต้องการจะปกป้องความคิดเห็นของนายเนติวิทย์ ตามที่ปรากฎเป็นกระแสข่าวก่อนหน้า ( ข้อมูลประกอบ : หมดสิ้นสงสัยทำไมอย่างกร่าง!!! “ส.ศิวรักษ์” ฟูมฟัก“เนติวิทย์” มากับมือ # ไม่ต้องเคารพธงชาติ ไม่ต้องถวายบังคม .. ล่าสุดออกโรงแทนจวกยับ"มจ.จุลเจิม" ?? http://deeps.tnews.co.th/contents/196787/ )
ล่าสุด ม.จ.จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ค แสดงมุมมองต่อเหตุกรณีดังกล่าว ปรากฎเป็นรายละเอียดดังนี้
"การที่ นิสิตจุฬาเขาหมอบกราบ พระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ (ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว) มันเป็นคนละเรื่องกันกับการหมอบกราบขณะที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
ถูกต้องครับ รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงมีรับสั่งไม่ให้มีการหมอบกราบต่อพระองค์ ซึ่งขณะนั้นพระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ และเป็นพระราชโองการเพื่อเป็นแบบธรรมเนียมการปฏิบัติต่อเจ้านายชั้นสูง และข้าราชการโดยทั่วไป ในการว่าราชการ และในพระราชพิธีต่างๆ และพระราชโองการนั้น ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และประเพณีสืบต่อๆ กันมา จวบจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่ทราบโดยทั่วกัน
นาย ส. ศิวรักษ์ ไม่ต้องมากล่าวย้ำความจำกระผม แต่เรื่องการที่นิสิตจุฬาหมอบกราบเพื่อถวายบังคมพระบรมรูปนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ที่มีต่อสถาบัน ในขณะที่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เป็นการที่หมอบกราบกราน ขณะที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ มีแต่คนที่จิตใจสกปรกเท่านั้น ที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และอ้างพระบรมราชโองการแบบตะพึดตะพือ โดยไม่ได้ดูกาละเทศะและสถานที่ นี่ละที่เขาเรียกว่า นาย ส ศิวรักษ์ ที่เขียนด่าว่าผม ผิดในกาละเทศะ และสถานที่ไปแล้ว อาจจะแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน แก่เฒ่าแต่ไร้ประโยชน์อันใด กินข้าวจนแก่เฒ่า อายุมากเพราะอยู่นาน แต่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย
คนไทยเทอดทูน ดวงพระวิญญาณและความดีของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีให้กับชาติ บ้านเมือง เพราะในธรรมเนียมปฏิบัติอันเป็นประเพณีที่งดงามของสังคมไทยนั้น การกราบไหว้พระมหากษัตริย์ หรือบรรพบุรุษ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว คนไทยเขาถือเป็นจริยวัตร และเป็นความงดงามยิ่งของวัฒนธรรมไทย และในสามัญสำนึกของคนไทยทุกคน พร้อมที่จะรำลึก และเทิดทูนดวงพระวิญญาณของพระองค์โดยจิตอันบริสุทธิ์...