- 19 ก.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกคำแถลงยกย่องชัยชนะของประชาชนตุรกี ที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่แสดงให้โลกเห็นถึงพลังประชาชนที่พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตย และไม่ยินยอมให้มีการใช้กำลังอาวุธและอำนาจนอกระบบมาบังคับและกำหนดชะตาชีวิตของประเทศของตน ล่าสุดกรณีนี้มีความเห็นจาก นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า สำหรับมุมมองของตนตนคิดว่าตุรกีมีเงื่อนไขต่างจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากตุรกีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ช่วงชิงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เพื่อจะมีอิทธิพลต่อแหล่งพลังงานในตะวันออกกลาง และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกนาโต้ ซึ่งมีพันธกิจผูกพันระหว่างสมาชิกด้วยกัน โดยที่ไทยไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้ !!!
“ประเด็นสำคัญก็คือประธานาธิบดีตุรกีจะชั่วดีถี่ห่างอย่างไรก็ตาม เขาไม่มีกรณีทุจริตจำนำข้าว 600,000 ล้านบาท เขาไม่ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยตอนตีสี่กว่า ไม่มีการใช้อาวุธสงครามห้ำหั่นประชาชนกลางเมืองหลวง จากราชประสงค์โมเดลมาถึงขอนแก่นโมเดล เป็นบทอุบาทว์ที่ฝ่ายหนึ่งแต่เพียงฝ่ายเดียวกระทำความรุนแรงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ศาสตราวุธที่จับได้และตัวบุคคลที่ถูกจำขังตามคำพิพากษาของศาล ล้วนเป็นฟากฝ่ายเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่ง "เผาเลยครับ ผมรับผิดชอบเอง" "ให้ไปรวมที่ศาลากลางจังหวัด จัดการได้เลย" "น้ำมันล้านลิตรล้านขวด ทำกรุงเทพฯ เป็นทะเลเพลิง" พยานเชิงประจักษ์เช่นนี้ จะให้เข้าใจอย่างไรว่าใครเป็นคนใช้อาวุธ
นายประสารกล่าวย้ำด้วยว่า ยิ่งที่พรรคเพื่อไทยชี้ว่าประชาชนตุรกี "ไม่ยอมให้มีการใช้อำนาจนอกระบบ" ก็ต้องหันกลับไปดูว่าความรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย ในยุคก่อนรัฐประหาร 22 พ.ค.57 นั้น จับมือใครดมได้บ้าง และเมื่อศาลตัดสินคดีความต่างๆ ถึงที่สุดในตอนนั้น ใครกันที่ออกมาตั้งโต๊ะแถลง แถมข่มขู่ศาลอีกต่างหาก แม้กระทั่งต้องคดีอาญาแผ่นดินแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ยอมรับกระบวนยุติธรรมไทย จะเรียกว่า "อำนาจนอกระบบ" ตามคำแถลงของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่
“พรรคเพื่อไทยแถลงเหมือนว่าประชาชนไทยอ่อนด้อยกว่าประชาชนตุรกีในเรื่องจิตใจสู้รบ ก็ต้องถามกลับว่า ตอนเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค.57 นั้น ประชาชนชาวเสื้อแดงหายไปไหนหมดเสียเล่า วันนั้นเห็นตาลีตาเหลือกสิ้นลายอยู่ตรงเวทีถนนอักษะเพียงกระหยิบเดียว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น แกนนำเสื้อแดงประกาศอย่างฮึกเหิมว่า "ยึดอำนาจเมื่อไร คนเสื้อแดงจะออกมาเป็นล้านคน"
ขณะเดียวกันนายประสาร ยังชี้ว่าคำประณามหรือคำประชดประชันของพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ใช่การแกล้งโง่ ก็เป็นวาทะกรรมหลอกตนเองให้รู้สึกว่าคนอื่นเลว เหมือนกับการขว้างงูไม่พ้นคอ ขว้างไปแรงเท่าไรก็ยิ่งรัดคอตัวเองแรงเท่านั้น ทำให้เห็นว่าการปฏิรูปประเทศไทยนั้น เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปฏิรูปพรรคการเมืองอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะในเรื่องจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบชั่วดี และพรรคเพื่อไทยนั้นเองที่ควรพิจารณาปฏิรูปก่อนใครอื่น