ฮึ่มๆมาแต่ไกลเลย!! ทนายวัดปากน้ำเตือนแจ้งข้อหาสมเด็จช่วง ถ้าหลักฐานไม่ชัดเป็นอันตรายDSI  อย่านำโยงตั้งสังฆราช !!?!!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnew.co.th

     สืบเนื่องจากการที่ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อสมเด็จช่วง  ในคดีครอบครองรถเบนซ์คลาสสิกจดประกอบเลี่ยงภาษี  ซึ่งเป็นผลจากการชำระภาษีไม่ครบถ้วนและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน    ทางด้านนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความ  ได้กล่าวย้ำว่า  ขณะนี้ต้องถือว่าการแจ้งข้อกล่าวหาต่อสมเด็จช่วงยังไม่เกิดขึ้น  เพราะโดยหลักการกฎหมายการแจ้งข้อกล่าวหาต้องแจ้งต่อตัวผู้ต้องหา   แต่ที่ผ่านมาเป็นเพียงการแถลงข่าวผ่านสื่อเท่านั้น    ซึ่งสมเด็จช่วงก็ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ใจและได้มีการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการบริจาคและเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรไปแล้ว

 

          "หากมีการแจ้งข้อกล่าวหา สมเด็จช่วงก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่บิดพลิ้ว และไม่มีการตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องให้ประกันตัว สมเด็จช่วงยืนยันมาตลอดว่าความจริงก็คือความจริง พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทุกสถานที่ อย่างไรก็ตามการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาจะต้องมีหลักฐานชัดแจ้ง มิเช่นนั้นจะกระทบสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อดีเอสไอเสียเอง ประเด็นนี้จึงต้องพึงระวังผลกระทบด้วย"

    นายสมศักดิ์  ระบุว่า  ในชั้นนี้จะไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของดีเอสไอ เพราะเชื่อมั่นในจิตวิญญาณของนักกฎหมายทุกคน  เพราะเดิมคดีนี้ดีเอสไอเคยบอกจะพิจารณาให้เสร็จภายในเดือนเมษายน  ต่อมาก็แถลงบอกว่าต้องรอเอกสารจากต่างประเทศ  จนมาวันหนึ่งก็ออกมาสรุปผลการตรวจสอบ  ทำให้เกิดข้อคำถามว่ารถจดประกอบ 4,000 คัน ที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินคดีกับใครไปแล้วบ้าง ส่วนตัวอยากให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่น่าเชื่อถือของคนไทยและต่างประเทศ ไม่ต้องการให้เอาคดีของสมเด็จช่วงมาเป็นหลัก แต่ในคดีทั่วไปทำกันอย่างไรก็ขอให้ทำอย่างนั้น

    ส่วนประเด็นที่ว่าหากมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คดีฆ่ายังให้ประกันแล้วคดีเพียงเท่านี้ก็ต้องอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน ในส่วนของแนวทางการต่อสู้คดีก็ต้องยืนยันไปตามความจริงว่ารับบริจาคมา และสมเด็จช่วงได้เซ็นใบโอนลอยไป

         

     "ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ ไม่ได้ลงมือไปซื้อเองหรือดำเนินการเอง การรับบริจาคของพระสงฆ์ต้องไปตรวจสอบความถูกผิดด้วยหรือ เพราะเป็นการบริจาค ปกติมีการบริจาครถกันเยอะแยะ ที่สำคัญรถคันนี้ไม่ได้ใช้ แต่นำเข้าเก็บในพิพิธภัณฑ์และจดทะเบียนห้ามใช้งาน อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวของดีเอสไอ ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับสมเด็จช่วง เพราะถือว่าคดียังไม่มีอะไรเป็นกิจจะลักษณะ และคดีนี้ขอให้แยกส่วนกับการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ขณะนี้สมเด็จช่วงยังอยู่ในฐานะพยานในคดี การจะกล่าวหาให้ตกเป็นผู้ต้องหา ต้องมีหลักฐาน คนบริสุทธิ์ชี้แจง 100 ครั้งก็เหมือนกันทั้ง 100 ครั้ง การเซ็นโอนลอยในเรื่องซื้อรถ ก็เซ็นกันเป็นปกติทั่วไป"