ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้แล้ว !!!  "โหรฟองสนาน"  ทายทักประชามติ 7 ส.ค. ผลสร้างความแปลกใจถึงขั้นล็อคถล่ม #  นับจาก 5 ส.ค. เป็นต้นไป ดวงชะตา" บิ๊กตู่ " ฟื้นแล้ว!!?!!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

            แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของนายทักษิณ  ชินวัตร   ในวัย 67 ปี   ที่หลายคนเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวว่าจะส่งสัญญาณใด ๆ ทางการเมืองหรือไม่  ในขณะที่พลพรรคในประเทศต่างก็เตรียมฉลองให้เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะกับน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  แต่สิ่งสำคัญสำหรับประเทศไทยนาทีนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายทักษิณและเครือข่ายเพียงอย่างเดียว  ในทางตรงข้ามปัจจัยหลักที่จะชี้ว่าอนาคตบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปในแบบไหน อย่างไร  ก็คือบทบาทการทำหน้าที่ผู้บริหารประเทศที่ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.  ซึ่งล่าสุด "โหรฟองสนาน จามรจันทร์"  ได้เขียนบทความในเฟซบุ๊ค  "ฟองสนาน @ Fongsananhora"    มีสาระสำคัญเกี่ยวเนื่องการลงประชามติ  7 สิงหาและดวงชะตาของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำประเทศ ไว้ดังนี้

 

           "แม่หมอสมัครเล่นขอพักเรื่องวิธีดูคนเบื้องตนจากวันเกิดไว้ก่อน เพราะกระแสการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทยวันที่ 7สิงหาคม2559 กำลังใกล้เข้ามาและการเมืองก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ"

 

            อีกทั้งกำลังใกล้ช่วงเวลาสำคัญที่รอคอยมานานที่เหตุการณ์ทั้งดีและร้ายรวมทั้งการเปลี่ยนแปลง-กวดล้างสิ่งเก่าสถาปนาสิ่งใหม่ที่จะกำหนดอนาคตและความเป็นไปในดวงเมืองก่อนเข้าสู่ยุคใหม่ของดวงเมืองยุคที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 2มีนาคม2562 เป็นต้นไปแล้วยุคนี้จะกินเวลานานไปอีกยี่สิบปี

 

            โดยช่วงเวลาที่สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของชาติที่ว่านี้คือระหว่าง 7 สิงหาคม 2559 - 6กันยายน  2560 สามารถอธิบายโดยหลักทางโหรคือ

 

           1.ย้อนกลับไปไม่นานมานี้ทางโหรดวงเมืองออกอาการ-ส่งสัญญาณ  ว่าจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่มาตั้งแต่ประมา ณ17  มิถุนายน  2557แล้ว (เป็นวันที่พฤหัสบดีหยุดตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมือง)    ต่อมาหลังจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557  โดย พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นั้น   รัฎฐาธิปัตย์พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างตั้งแต่วันนั้น

 

         2.เกณฑ์เปลี่ยนแปลงใหญ่จริงๆ  ในเมืองเริ่มขยับมาตั้งแต่การเดินเข้าราศีเมษทับลัคนาและพระอาทิตย์(๑) ดวงเดิมดวงเมืองรอบแรกระหว่าง 13 กรกฎาคม 2558 - 8 กันยายน 2558  ( มฤตยูเดินเข้าราศีเมษรอบแรก)  ที่อะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย  เพียงแต่เราจะสังเกตุหรือไม่เท่านั้นเช่นการเปิดกองทุนการออมแห่งชาติ การเกิดของภาษีมรดก ระเบิดพระพรหมเอราวัณ  ศาลจำคุกกลุ่มคนที่ปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยถึง  22 คน ฯลฯ  แต่การมารอบนี้ของมฤตยูยังไม่ใช่ของจริงเพราะเดินอยู่ในราศีเมษในระยะสั้นๆ

          3.ครั้นตั้งแต่ 6 มีนาคม 2559 เป็นต้นมา มฤตยูจรเดินอยู่ในราศีเมษทับลัคนาและพระอาทิตย์(๑)ดวงเมืองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งจะยังความเปลี่ยนแปลงชนิดอย่างน้อยปฏิรูป ถ้าจะให้ถูกโฉลกต้องปฏิวัติขึ้นไป ในเมือง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และกลุ่มบุคคลสำคัญๆคนมียศฐานาบรรดาศักดิ์ หรือตำแหน่งต่างๆอย่างถึงแก่น โดยเกณฑ์นี้จะเป็นไปถึงกรกฎาคม 2565

 

       ขอให้สังเกตุอาการลงมือของมฤตยูนั้นจะต้องมีการสั่งสมพลังของการเปลี่ยนแปลงก่อน  จนเมื่อได้ที่แล้วก็จะระเบิดกวาดล้างสิ่งเก่า สถาปนาสิ่งใหม่ขึ้นแบบแปลกประหลาดคาดไม่ถึงล้อคถล่มอย่างเหลือเชื่อ อย่างที่เกิดกับประเทศอังกฤษเรื่องเบร๊กซิส ที่ทั้งโลกยังงงกับผลอยู่ทุกวันนี้(มฤตยูจรเข้าราศีเมษ-ทับลัคนาดวงโลกด้วย)

 

         ผู้เขียนจึงค่อนข้างเชื่อว่าผลที่มฤตยูทับลัคนาดวงเมืองไทยและพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑)อันหมายถึงการเมืองด้วยนี้ ผลของประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะทำกันวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ระหว่าง 08.00-16.00น.  คงจะออกมาแบบไม่ธรรมดา สร้างความแปลกใจ และล็อคถล่มชนิดที่ไม่กล้าทำนายผลล่วงหน้าเลยล่ะ

 

         4.สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนอยากส่งสัญญาณถึงคนไทยทั้งประเทศ คือ  ขณะที่กรอบใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองระดับปฏิวัติจึงจะถูกโฉลกกำลังถูกกำกับโดยมฤตยูนั้น วันที่ 7 สิงหาคม 2557  หลังปิดหีบลงประชามติไม่นานพระพฤหัสบดีจร(5)หัวหน้าเทวดาประจำเมืองจะยกจากราศีสิงห์   ที่เคยผงาดคุ้มครองลัคนาเมืองมาเป็นปี  จะเดินเข้าสู่ราศีกันย์ภพอริ-ปัญหาอุปสรรคของบ้านเมืองแล้วจะอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่ไปจนถึง  6  กันยายน 2560

          ขณะที่มฤตยูกำลังบีบให้เมืองเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แล้วหัวหน้าเทวดาประจำเมืองเข้ามุมอับ ผู้เขียนเกรงว่าเรื่องใหญ่ทั้งดี-ร้าย ได้-เสีย พลิกผัน ล็อคถล่ม คาดไม่ถึง ที่ทั้งสะสมพลังมานาน หรือกำลังเริ่มสั่งสมจะทยอยระเบิดหรือเกิดขึ้นเป็นระยะๆ

 

           พูดง่ายๆคือแม้อิทธิพลของมฤมตยูจะยังอยู่เพื่อเปลี่ยนเมืองอีกนานแต่เหตุการณ์ที่จะเกิดระหว่าง  7 สิงหาคม2559 - 6กันยายน 2560 จะเป็นช่วงสำคัญที่จะตัดสินอนาคตของประเทศ หลังจากนั้นพระสยามเทวาธิการจะเข้มแข็งขึ้น ฉะนั้นผู้รับผิดชอบทั้งหลายต้องช่วยกันคัดท้ายประเทศให้ถึงปลายปี 2560 เราจะได้เริ่มเห็นสิ่งดี ๆเริ่มโผล่พ้นของฟ้า

 

           ส่วนคำทำนายเพิ่มเติมด้านการเมืองนั้นยังย้ำคำเดิมคือต้องมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง  ที่น่าสนใจคือดวงผู้นำกลับฟื้น คือตั้งแต่ 5  สิงหาคม 2559  ภาพรวมดวงชะตาพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา   นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.ที่ตกมาหนึ่งปีอึดอัดใจเรื่องญาติพี่น้อง จนต้องหยุดสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นดวงชะตาจะฟื้นแล้ว  !!!  

 

     ประมาณมีนาคม  2560 ท่านอาจจะเปลี่ยนแปลงทบทวนแก้ไขอะไรมากมาย แบบไม่คาดฝัน  แต่คงไม่ใช่ช่วงที่จะพูดว่าผมพอหรือไปแล้วอย่างที่ผู้เขียนเคยทำนายไว้เพราะดูดาวไม่รอบคอบ  จนคงประมาณธันวาคม 2560  เป็นต้นไปนั่นแหละวาสนาท่านเหมาะอยู่เบื้องหลังอย่างทรงอิทธิพล(พระเสาร์จรดาวประจำตัวเข้าภพวินาสน์-แต่ราหูดวงเดิมคู่มิตรรองรับอยู่)