- 27 ก.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
สืบเนื่องจากกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้แสดงพฤติกรรมในเชิงคุกคาม และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลสื่อมวลชนในจังหวัดขอนแก่นอย่างรุนแรง จนกระทั่งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แม้ผู้ตกเป็นข่าวจะเห็นว่าการ นำเสนอข่าวของตนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมก็สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายต่อผู้ละเมิด ไม่ควรใช้กำลังกระทำการอันเป็นการแสดงออกถึงการคุกคามสื่อมวลชนเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 ข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมจำนนโดยเป็นการทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายและเสรีภาพ และขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 ที่มีการหน่วงเหนี่ยวกักขังคุกคามเสรีภาพในร่างกาย
ล่าสุด พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนขอนแก่น เปิดเผยว่าสื่อมวลชนทั้ง 5 ราย ประกอบด้วยผู้สื่อข่าวจากโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เนชั่นทีวี และ KKC เคเบิลทีวี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จิตร จรูญศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เพื่อชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ก่อนไปแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดเป็นคดีอาญากับ นพ.เปรมศักดิ์ ที่สภ.บ้านไผ่
“สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรงที่สื่อมวลชนขอนแก่นไม่อาจยอมรับได้ แม้กับความสัมพันธ์ระหว่างสื่อกับหมอเปรมจะอยู่ในระดับดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ว่าหมอเปรมคิดอย่างไรจึงปฏิบัติกับเพื่อนสื่อมวลชนแบบนั้น ส่วนภาพประเพณีที่ชาวอีสานเรียกว่าผูกข้อมือต่อแขน ซึ่งปรากฎผ่านโลกโซเชียลก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่สื่อมีสิทธินำเสนอและสอบทานความถูกต้องจากหมอเปรม รวมถึงสามารถเข้าใจได้โดยทั่วไปว่าเป็นประเพณีที่หมายความถึงอะไร”
พ.ท.พิสิษฐ์ ระบุด้วยว่านอกจากทางกลุ่มสื่อมวลชนขอนแก่นจะดำเนินคดีอาญากับนพ.เปรมศักดิ์แล้ว ทราบว่าในกลุ่มผู้ปกครองร.ร.บ้านไผ่ก็จะมีการยื่นเรื่องให้ปลดนพ.เปรมศักดิ์ออกจากตำแหน่งกรรมการโรงเรียนบ้านไผ่อีกด้วย เนื่องจากถือว่ามีพฤติกรรมทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง
ด้าน นายปราโมทย์ ศรีบุระ 1 ใน 5 ผู้สื่อข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่า ส่วนตัวรู้จักกับ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้ถือวา นพ.เปรมศักดิ์ ทำเกินกว่าเหตุและทำเกินไปจริง ๆ นักข่าวจึงต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีเช่นกัน โดยเฉพาะการฟ้องเอาผิดในคดีอาญาฐาน คุกคาม ละเมิดสิทธิ์ ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมจำนน โดยเป็นการทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและเสรีภาพและขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา 310 ที่มีการหน่วงเหนี่ยว
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น ได้สั่งให้มีการรวบรวมข้อมูลเรื่องดังกล่าวไว้ทั้งหมดแล้ว โดยจะมีการสอบสวนความผิดตามพ.ร.บ.เทศบาล...มาตรา 73 ในกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า นายกเทศมนตรี , รองนายกเทศมนตรี , ประธานสภาเทศบาล หรือ รองประธานสภาเทศบาล ปฏิบัติตัวฝืนต่ออความสงบเรียบร้อย หรือ สวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาลหรือแก่ราชการ ให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมด้วยหลักฐาน ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจใช้ดุลพินิจสั่งให้นายกเทศมนตรี , รองนายกเทศมนตรี , ประธานสภาเทศบาล หรือ รองประธานสภาเทศบาล พ้นจากตำแหน่งก็ได้ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ถือเป็นที่สุด
โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสอบสวนผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่นรองประธานสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่นและที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2555แต่ทั้งนี้ตามกฎหมายต้องมีเจ้าทุกข์ จะสั่งสอบโดยไม่มีผู้ร้องทุกข์ไม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ถ้ามีการแจ้งความ ทางจังหวัดก็จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น