ฟันอาญา-แพ่งล็อตแรก!! ดีเอสไอเปิดชื่อ "เสี่ยก." ตัวเอ้นำเข้าเบนซ์เลี่ยงภาษีผิดกม.!!?!!

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

     ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท. กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายนิธิต ภูริคุปต์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร และ นายมเหสักข์ พันธ์สง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ร่วมกันแถลงกรณีขบวนการลักลอบนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ (รถหรู)

 

     พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า คดีเป็นที่สนใจของสาธารณะ จึงขอชี้แจงและแถลงความคืบหน้า ตามที่ดีเอสไอได้ตรวจสอบรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าราคาสูงตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป (รถหรู) จำนวน 548 คัน และดำเนินการส่งให้กรมศุลกากรเพื่อพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตามนัย มาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 นั้น อธิบดีกรมศุลกากร แจ้งผลการประเมินราคาและค่าภาษีอากรที่ขาดของโครงรถยนต์และเครื่องยนต์ในฐานะรถยนต์ครบชุดสมบูรณ์ และเรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รถยนต์เพิ่มเติม จำนวน 8 คันแล้ว

 

     นอกจากนี้ ดีเอสไอ ได้ประสานข้อมูลกับ กรมศุลกากร เพื่อขอให้พิจารณาเรียกเก็บอากร จากรถยนต์จดประกอบเพิ่มเติมแล้วอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับการเรียกเก็บอากรข้างต้นเป็นการดำเนินคดีทางแพ่งโดยกรมศุลกากร ในเรียกเก็บค่าภาษีที่ขาดจากผู้นำเข้ารถยนต์ตามกฎหมายเข้ารัฐ และนอกจากผู้นำเข้าจะมีความผิดทางแพ่งแล้วยังต้องรับผิดทางอาญาฐาน “ร่วมกันหลีกเลี่ยงอากร” ตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ประกอบกับ มาตรา 6 พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งมีอัตราโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรแล้ว หรือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ การเนินการคดีอาญาเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ

 

     พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า คณะพนักงานดีเอสไอ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกับขบวนการในส่วนของผู้นำเข้ารถยนต์ที่ผิดกฎหมายแล้ว พบว่าเป็นกลุ่มของ บริษัท สบายใจจดประกอบ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.โพธิ์ทอง บริษัท เอส.อาร์.เจ แมชชินเนอรี่ จำกัด บริษัท จัสเต้ จำกัด บริษัท เอ็ม เอ็น อะไหล่เก่า จำกัด โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลที่มีความผิดตามกฎหมายมาดำเนินคดีต่อไปโดยเร็ว ทั้งนี้ การสืบสวนยังทราบว่าตัวการเจ้าของบริษัทที่แท้จริง คือ เสี่ย ก. โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษซึ่งมี พ.ต.อ.สุริยา จะเร่งรัดขยายผลให้ถึงตัวการโดยเร็วต่อไป

 

 

 

     พ.ต.อ.ไพสิฐ ยังระบุว่า ดีเอสไอขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ครอบครองรถยนต์จดประกอบเพื่อทราบทั่วกันว่าบุคคลผู้ครอบครองรถยนต์โดยสุจริต ซื้อมาจากสถานที่ขายรถยนต์โดยวิญญูชนทั่วไป เช่น โชว์รูม เต็นท์ขายรถยนต์มือสอง หรือ การซื้อการขายระหว่างคู่สัญญาในราคาตามท้องตลาดทั่วไป คณะทำงานร่วม 7 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร สมอ. กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ กรมสรรพากร เห็นพ้องกันว่า เข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจะไม่ถูกดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย เว้นแต่ การซื้อขายรถยนต์ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงอันผิดปกติเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเข้าประเทศ การซื้อขายในสถานที่อันมิใช่สถานจำหน่ายรถยนต์ การครอบครองโดยมีส่วนร่วมในขบวนการนำเข้าของหรือมีส่วนร่วมขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดในขบวนการจดประกอบรถยนต์ ซึ่งมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต

     ทั้งนี้ สำหรับรถยนต์จำนวน 8 คัน ที่กรมศุลกากร แจ้งผลการประเมินราคาและค่าภาษีอากรที่ขาด ทั้งหมดเป็น ยี่ห้อ Mercedes-Benz ประกอบด้วย 1. กย 4559 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 223,305.18 บาท 2. กท 1097 อยุธยา เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 234,347.88 บาท 3. กย 2966 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 444,060.70 บาท 4.กต 7298 สระบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 743,650.00 บาท 5.ญฮ 3483 กรุงเทพฯ เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 491,140.70 บาท 6. กย 5870 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 223,305.18 บาท 7. กย 2506 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 484,431.77 บาท 8. กย 3902 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด รวมเป็นเงิน 223,305.17 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,067,546.58 บาท

 

 

 

ขอบคุณที่มา : มติชน