- 21 ส.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
กลายเป็นประเด็นที่สร้างความสับสนให้กับสังคมไทยในเวลานี้ กับการที่พรรคการเมืองรวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาตีความว่ามีความพยายามให้อำนาจสว.เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนนอก ตั้งแต่วาระการโหวตครั้งแรกเพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ล่าสุด นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมเพื่อประกอบการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่าการหารือระหว่างตัวแทนของคณะกมธ.ฯ กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์ของคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติเท่านั้น และแนวทางการหารือก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อต้องการกดดันกรธ.ตามที่เป็นกระแสข่าวแต่อย่างใด
นายสมชาย ย้ำด้วยว่า เบื้องต้นตัวแทนของคณะกมธ.ฯได้ยืนยันในเจตนารมณ์ของคำถามพ่วงต่อกรธ.ว่าในการเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงระยะเวลา 5 ปีแรกจะต้องมาจากมติของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งเป็นหลักการที่ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันตั้งแต่แรกในขั้นตอนการลงประชามติ ว่า หลังจากการเลือกตั้งแล้วสส.จะเป็นฝ่ายเสนอชื่อบุคคลจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่ยื่นต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันสมัครรับเลือกตั้ง ก่อนจะนำเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่
โดยถ้าในครั้งแรกที่ประชุมรัฐสภามีมติเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาประเทศก็จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หากที่ประชุมรัฐสภาไม่สามารถเลือกบุคคลหรือหาข้อยุติได้ การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปจึงจะเป็นหน้าที่ร่วมกันของรัฐสภา กล่าวคือ สส. หรือ สว. จะสามารถเสนอชื่อบุคคลจากในหรือนอกบัญชีพรรคการเมืองเข้ามาให้ที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
"ทั้งหมดต้องการให้การเลือกนายกฯสามารถดำเนินการไปได้โดยไม่เกิดปัญหา เพราะในร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการให้ได้มาซึ่งนายกฯหลังจากมีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรธ.ก่อนจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย"