เผิน ๆ นึกว่าผ่อนคันเร่ง !!!  "วิษณุ" ยันไม่ใช้ ม.44 ยึด-อายัดทรัพย์แก๊งจีทูจีเก๊โดยตรง  แย้มติดดาบให้กรมบังคับคดีเอาคืนเงินแผ่นดิน??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

         ติดตามกันอย่างต่อเนื่องกับบทสรุปแนวทางการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว   โดยเฉพาะผลที่เกิดขึ้นจากกระบายข้าวจีทูจี  ล่าสุด   นายวิษณุ เครืองาม   รองนายกรัฐมนตรี  ได้ปฏิเสธกระแสข่าวก่อนหน้านี้ซึ่งมีการอ้างถึงแนวคิดของหลายฝ่ายในการเสนอให้   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)   ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งยึดทรัพย์คดีโครงการรับจำนำข้าว   ว่า  ข้อเท็จจริงคือขณะนี้ยังไม่เคยมีการพูดเรื่องนี้เลย   และไม่เคยมีความคิดที่จะใช้กระบวนการใดนอกเหนือจากกระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่   โดยเฉพาะพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539  และแนวทางก็ยังเป็นไปตามที่ตนเคยแถลงไว้ก่อนหน้านี้อย่างไรก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิม

        

         “สิ่งที่ผมพูด อาจจะพูดกันปากต่อปาก ก็มีบิดเบือน กลายเป็นจะใช้มาตรา 44 ยึด ซึ่งเราไม่ได้ใช้มาตรา 44 ยึด แต่ถ้าคำสั่งออกก็ต้องยึดอยู่ดี แต่ใครจะเป็นคนไปยึด หากเป็นกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีทางที่จะทำได้ คนที่ทำได้คือกรมบังคับคดีซึ่งเขามีหน้าที่เรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งต้องยึดตามคำสั่งศาล แต่วันนี้ไม่ได้ยึดตามคำสั่งศาลเพราะเป็นการยึดตามคำสั่งทางปกครอง เราเคยให้กรมบังคับคดีไปช่วยทำแล้วครั้งหนึ่งในคดีภูทับเบิก ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกรมบังคับคดี แต่เป็นเรื่องของสปก. ตรงนั้นก็ใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีช่วยจัดการ ตรงนี้อาจใช้วิธีอย่างเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้ใช้มาตรา 44 ยึด แต่เมื่อจะต้องยึดหน่วยงานใดจะเป็นคนยึด หากไม่ยึดก็ผิดมาตรา 157 เพราะมีคำสั่งทางปกครองแล้ว แต่หากจำเลยร้องศาลคุ้มครองชั่วคราว ศาลปล่อยก็จบ หากจำเลยไม่ร้องศาลก็ต้องยึดเพราะทำผิด ซึ่งพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ มีอยู่ ใช้มากกว่า 3 พันรายแล้ว ยืนยันไม่มีคำสั่งมาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ใครเป็นอันขาด แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องยึดเพราะมันเป็นวิธี”

      ทั้งนี้  นายวิษณุ ยังปฏิเสธความล่าช้าที่เกิดขึ้นกับการลงนามในคำสั่งฯ  ว่า    คงไม่ใช่ความเกรงกลัว   แต่เพราะมีข้อกฎหมายที่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม  คือ    เดิมกระทรวงพาณิชย์อาจไม่เข้าใจเพราะมีปัญหาว่าจะต้องลงนาม 2-3 สามฝ่าย  ซึ่งตอนนี้ถือว่าทุกฝ่ายเคลียร์เข้าใจตรงกันหมดแล้ว  ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรคงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น  เพราะยังไม่มีคำสั่งใช้ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องคนใดเลย

 

      “กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว คดีมันสำปะหลัง คดีข้าวโพด ที่มีปัญหาเรื่องการทุจริตจนนำมาสู่คำสั่งทางปกครอง คดีพวกนี้เมื่อจะยึดหรืออายัด จะให้แต่ละกระทรวงไปดำเนินการก็ไม่มีปัญญายึดหรืออายัต จึงต้องคิดกันว่าจะให้หน่วยงานใดไปจัดการให้ ส่วนจะจัดได้หรือไม่เพราะจะถูกศาลเบรกก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่โดยหลักต้องเข้าไปจัดการก่อน อีกทั้งต้องยึดหรืออายัตทรัพย์หลายหมื่นเลยเลยไม่มีปัญญาที่จะไปทำ เขาไม่ใช่มืออาชีพที่จะมาทำเรื่องนี้ จึงอาจจะต้องให้หน่วยงานอื่นเข้ามาจัดการแทน ตรงนี้จึงอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ถ้าจะมีก็ประเด็นนี้เท่านั้น แต่ยังไม่ตัดสินใจ และหากต้องทำคงต้องใช้กรมบังคับคดี ซึ่งเป็นมืออาชีพ แต่เขาจะยึดตามคำสั่งศาล คดีนี้ยึดตามคำสั่งทางปกครอง ซึ่งเคยให้กรมบังคับคดีไปช่วยทำแล้วในคดีภูทับเบิก ครั้งนี้จึงอาจจะใช้วิธีอย่างเดียวกัน” 

     ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเร่งกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม   นายวิษณุ    ระบุว่า    เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุเท่านั้น    แต่โดยข้อเท็จจริงเป็นการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย  เพราะถ้าไม่ทำรัฐบาลก็อาจมีความผิดตามมาตรา 157  เพราะเมื่อมีออกคำสั่งทางปกครองแล้วต้องยึดหรืออายัดทรัพย์   รวมถึงคดีนี้มีอายุความเหลืออีกไม่นานจึงทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลเร่งทำคดีนี้ ทั้ง ๆ เป็นคนละประเด็นกันเพราะมีอีกหลายคดีที่มีการดำเนินการในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน