- 22 ก.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ถือเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงมานานแต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับพฤติกรรมพระสงฆ์กับการบิณฑบาตร ล่าสุด นายประทีป พูลลาภ ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกรณีมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับพระยืนบิณฑบาตอยู่กับที่ และนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ว่ามหาเถรสมาคม (มส.) และ พศ.ได้ร่วมกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังหรือไม่ ว่า ปัจจุบันส่วนคุ้มครองฯจะร่วมกับพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ตระเวนตรวจสอบตามจุดเสี่ยงต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯอยู่เป็นประจำ โดยหากพบพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ พศ.จะขอเข้าตรวจหนังสือสุทธิทันที เพื่อดูว่าเป็นพระปลอมหรือไม่
หากไม่ใช่พระปลอมก็จะนิมนต์ให้ไปพบเจ้าคณะเขตที่อยู่ในเขตนั้นๆ เพื่อติดต่อไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองของพระสงฆ์รูปดังกล่าว เพื่อสอบถามประวัติว่าสังกัดอยู่วัดที่อ้างหรือไม่ หากมีวัดสังกัด ต้องสอบถามเจ้าอาวาสว่าจะยินดีให้กลับวัดหรือไม่ หากรับกลับวัดต้องรับปากว่าจะว่ากล่าวตักเตือน ไม่ปล่อยให้กลับมาทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก กรณีไม่รับกลับวัดเพราะทำผิดเป็นอาจิณ เจ้าคณะเขตจะขอให้สึกทันที ส่วนกรณีที่เป็นพระปลอม เจ้าหน้าที่ พศ.จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์
“ สำหรับจุดที่ได้รับร้องเรียนพระยืนบิณฑบาตเข้ามามากที่สุด ได้แก่ ตลาดบางแค ตลาดศรีย่าน ตลาดย่านหลักสี่ และย่านโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งส่วนคุ้มครองฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ พศ.ไปตรวจสอบแล้ว แต่พระกลุ่มนี้ไหวตัวทัน จึงอยากขอความร่วมมือกับประชาชน หากพบพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งที่ศูนย์ฮอตไลน์ พศ.หมายเลข 0-2441-6400 กด 2 ตลอด 24 ชั่วโมง”
ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวหากมีกรณีพระสงฆ์ที่ถูกลงโทษจับสึกแล้วมาแสดงพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอีก นายประทีประบุว่า มีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย หากประชาชนพบพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมยืนบิณฑบาตอยู่กับที่ หรือเดินบิณฑบาตหลังเวลา 08.30 น. ก็ไม่ควรใส่บาตร หรือร้านค้าควรหยุดนิมนต์พระที่รับบาตรอยู่กับที่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพระวินยาธิการ ได้จัดประชุมอบรมพระสังฆาธิการอยู่เป็นประจำ พร้อมขอความร่วมมือไปยังเจ้าคณะเขตต่างๆ ให้สอดส่องดูแลพระสงฆ์ในสังกัดไม่ให้ประพฤติผิดพระธรรมวินัยด้วย
ทางด้าน พระมงคลรัตโนภาส เจ้าอาวาสวัดเรืองยศสุทธาราม เจ้าคณะเขต (จข.) บางคอแหลม กล่าวว่า เขตบางคอแหลมยังไม่พบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แต่ตามหลักการหากมีผู้ร้องไปยังศูนย์ฮอตไลน์ พศ.ทาง พศ.จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และนิมนต์ให้เจ้าคณะเขตไปที่เกิดเหตุสอบสวน หากพบว่าทำผิดครั้งแรก เจ้าคณะเขตจะตักเตือนก่อน ครั้งที่ 2 จะคาดโทษ และครั้งที่ 3 จะให้ลาสิกขา และทำประวัติไว้ หากพบกลับมาบวชในพระศาสนาอีก พระอุปัชฌาย์จะมีความผิดฐานไม่สอบประวัติผู้ขอบวช ส่วนที่ตรวจพบว่าเป็นพระปลอม จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย
"ถ้าเป็นไปได้ อยากให้องค์กรปกครองสูงสุดของสงฆ์ และฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มโทษผู้ที่ปลอมบวช หรือพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดเป็นอาจิณ เพราะบุคคลกลุ่มนี้ปล่อยไปก็กลับมาทำลายพระศาสนา และไม่อยากให้มองว่าคดีนี้เป็นคดีเล็กแล้วไม่อยากดำเนินการ"
ขณะที่ พระมหาเทอดไทย เลขานุการเจ้าคณะเขตบางกอกน้อย และพระวินยาธิการ ซึ่งเขตบางกอกน้อยเป็นเขตที่ถูกร้องเรียนพระยืนบิณฑบาตมากเป็นอันดับต้นๆ กล่าวว่า ปัญหาพระยืนบิณฑบาตในเขตบางกอกน้อยหมดไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และส่วนมากพระที่กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่พระในเขตปกครอง แต่เป็นพระที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด
(พระบัญญัติ เรื่องการรับอาหารของพระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระ-วินัยปิฎก เสขิยวัตรสิกขาบทโภชนปฏิสังยุตต์ ขัมภกตวรรค สิขาบทที่ ๑๐ ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจะรับบิณฑบาตเพียงเสมอขอบบาตร ถ้าภิกษุไม่เอื้อเฟื้อรับเกิน หิ้วถุงพะลุงพะลัง เป็นอาบัติ และดูไม่น่าเลื่อมใส เป็นคนมักมาก ตามพระวินัยพระภิกษุมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในการรับอาหารบิณฑบาตร เมื่อท่านรับเพียงพอแก่ความต้องการแล้ว ถ้าท่านรับเกินขอบบาตรเป็นอาบัติ การปฏิเสธไม่เป็นอาบัติ ส่วนการทำศรัทธาใครให้ตกไป คือ การให้อาหารบิณฑบาตรแก่คฤหัสถ์ก่อนตนฉัน ไม่ใช่การปฏิเสธ พระวินัย โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔ .. พระบัญญัติจาก ..พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ - หน้าที่ 492)