ออกแนวระอาใจ !!  "หมอวรงค์"  เฉ่งยับ "เพื่อไทย" ป่วนคดีจำนำข้าว+บิดเบือนม. 44 ซ้ำซาก  ทั้งที่ก็รู้แก่ใจกระบวนการต้องจบที่ศาล??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

     ยังคงเป็นเอฟเฟคต่อเนื่องจากการเคลื่อนไหวคัดค้านการใช้อำนาจมาตรา 44  คุ้มครองการทำหน้าที่ของผู้รับผิดชอบดำเนินกระบวนการเรียดชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวให้เป็นรูปธรรม  ล่าสุด  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม  อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์   ได้โพสต์เฟสบุ๊ก  ระบุข้อความว่า    ถึงการที่พรรคเพื่อไทยพยายามออกแถลงการณ์ต่างๆในช่วงนี้  ว่า  “ ล้วนเป็นการสะท้อนถึงการไม่ยอมรับผิด และไม่ยอมรับข้อเท็จจริง สังคมต้องไม่ปล่อยให้เขาสร้างกระแสบิดเบือนจนประชาชนเชื่อ

 

     ประการแรก พรรคเพื่อไทยพยายามโยงว่าคดีอาญาในศาลฎีกายังไม่ตัดสิน ทำไมเร่งรีบ ไม่ปล่อยให้เป็นกระบวนการของกฏหมายปกติ   ถามว่า พรบ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เป็นกระบวนการของกฏหมายปกติหรือไม่ พรบ.ฉบับนี้ก็เป็นกฏหมายปกติที่มีขั้นตอน ที่สำคัญแค่มีการลงนามคำสั่งทางปกครองหรือเตือน ก็ไม่ใช่ว่าจะไปยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายบุญทรงแล้วจบกัน เพราะเมื่อเขาอุทธรณ์ร้องศาลปกครอง ก็ต้องสู้กันอีกสองศาล กว่าจะจบยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไร และผลจะเป็นอย่างไร ไม่ได้รวดเร็ว รวบรัดตามที่พรรคเพื่อไทยอ้าง เรื่องจึงเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการศาลเท่านั้น

 

    ประการที่สอง พรรคเพื่อไทยอ้างว่า ถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่นำเรื่องกำไรขาดทุนเรียกค่าเสียหายจากผู้นำรัฐบาล ก็ต้องบอกว่าการดำเนินนโยบายครั้งนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่ปล่อยให้มีการทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ หลายฝ่ายเตือนแล้วก็ไม่สนใจ เพราะเหลิงในอำนาจ ผมเชื่อว่ารัฐบาลใดๆดำเนินนโยบาย และปล่อยให้เกิดการทุจริต ผลประโยชน์ไม่ถึงประชาชน เงินส่วนที่ไม่ถึงมือประชาชนนั้น ถือเป็นความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบ

     ประการที่สาม พรรคเพื่อไทยอ้างว่า การดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวจะถือเป็นการละเมิดหรือไม่ก็ยังไม่มีความชัดเจน การยึด อายัด ถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิของบุคคล จึงไม่ควรที่จะต้องเร่งรีบ รวบรัด   ก็อย่างที่บอกว่าทุกอย่างยังไม่จบหรอก ยังต้องผ่านขั้นตอนศาล กระบวนการเพิ่งจะเริ่มต้นที่ศาลปกครอง อีกนานกว่าจะจบ แต่พรรคเพื่อไทยก็จะบิดเบือนว่าจะยึด อายัด เร่งรีบ รวบรัดอยู่นั่นแหละ

 

    ประการที่สี่ พรรคเพื่อไทยก็กล่าวหาว่า เร่งรัดเพื่อให้มีการเรียกค่าเสียหายให้จบทันอายุของรัฐบาลนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าบิดเบือนในเนื้อหาซ้ำๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเรื่องต้องไปจบที่ศาลปกครองถึงสองศาล คือศาลปกครองกลางและสามาถอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ยังไม่จบง่ายๆ

 

     ประการที่ห้า พรรคเพื่อไทยอ้างถึงคำสั่งตามมาตรา44 ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้บรรลุเจตนาของผู้นำเท่านั้น ก็ยิ่งเป็นการบิดเบือนของพรรคเพื่อไทย ทั้งๆก็รู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องทั้งหมดต้องลงเอยที่ศาล และสามารถใช้สิทธิ์ทางศาลได้เต็มที่ มาตรา44ไม่ได้มีผลต่อกระบวนการใดๆของคดี จึงเท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยพยายามเอามาตรา 44 มาหลอกหากินกับประชาชนที่ไม่เข้าใจ เหมือนที่เคยหลอกหากินกับผู้เสียชีวิตได้ผลมาแล้ว

    ประการสุดท้าย พรรคเพื่อไทยอ้างถึง อำนาจตามมาตรา 44 ได้ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดอายัดทรัพย์บุคคลเป็นการเฉพาะ ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

 

     บิดเบือนซ้ำแล้วซ้ำอีก และหากินกับมาตรา 44 เพราะรู้ทั้งรู้ว่ามาตรานี้ออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่แทนกัน และการยึด อายัดทรัพย์ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นทันที เพราะต้องจบที่ศาล  ...  เราจึงต้องช่วยกันเรียกร้องพรรคเพื่อไทย ให้เคารพข้อเท็จจริง การจะโต้แย้งหรือกล่าวอ้างใดๆต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่สร้างบิดเบือนจนเคยชิน ที่สำคัญเมื่อกระทำผิด ต้องมีสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำ ไม่ใช่เอาแต่โทษคนอื่น ให้เหมือนนานาประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย ที่กระทำผิดไปแล้ว เขามีสำนึกของความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ  เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประชาธิปไตย   ”