ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

ประธานาธิบดี "โรดริโก ดูเตร์เต" ผู้นำคนใหม่ของฟิลิปปินส์ นั้นเริ่มจะเริ่มถอยหากจากมหามิตรอันยาวนานอย่างสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด การแสดงออกของ ดูเตอร์เต นั้นทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ฟิลลิปปินส์จะถีบส่ง สหรัฐฯ อย่างนั้นหรือ ไม่เพียงแต่คำพูดอันเจ็บแสบ ที่ผู้นำคนนี้ได้ด่ากราดผู้นำสหรัฐฯ แบบที่ไม่เคยมีผู้นำคนใดกล้าทำมาก่อน แต่ยังได้สั่งให้หน่วยทหารของฟิลิปปินส์นั้น ยกเลิกภารกิจลาดตระเวนร่วมกับทางสหรัฐในน่านน้ำบริเวณทะเลจีนใต้ รวมถึง สั่งการให้ สหรัฐถอนทหารจำนวนหนึ่งออกจากแถบเมืองมินดาเนาของฟิลิปปินส์ โดยให้เหตุผลว่า ทหารสหรัฐฯ คือตัวก่อปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดความรุนแรงต่าง ๆ มากมาย

ทว่าล่าสุด ประธานาธิบดี "โรดริโก ดูเตร์เต" มีกำหนดการเดินทางเยือนจีนและรัสเซียในเวลาอันใกล้นี้ โดยจะมีการพบหารือกับประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" และนายกรัฐมนตรี "ดมิทรี เมดเวเดฟ" เพื่อสถาปนาการเป็นพันธมิตรด้านการค้าระหว่างกันอย่างเป็นทางการ และขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการชาวฟิลิปปินส์ที่สนใจลงทุนในทั้งสองประเทศให้เริ่มดำเนินการได้ทันที ทางด้าน มาร์ค โทเนอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกมาแก้เกี้ยวกับข่าวที่ผู้นำฟิลิปปินส์จะเดินทางเยือนจีนและรัสเซีย เขาย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับฟิลิปปินส์ "ยังแข็งแกร่ง" และฟิลิปปินส์เป็นรัฐเอกราชที่สหรัฐไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในกรณีที่รัฐบาลของประเทศนั้นต้องการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นใด

การออกมาพูดแก้เกี้ยวของสหรัฐฯ นั้นดูสวยงามอย่างยิ่ง แต่ในใจลึก ๆ นั้นบอกได้เลยไม่ปกติแน่ เมื่อมิตรที่เคยมีสัมพันธ์แน่นแฟ้น เข้านอกออกในได้ตลอดเวลา จะขนทหาร ขนอาวุธ อยากจะใช้ฐานทัพไหน ไม่เคยถูกปฎิเสธ แต่วันนี้ กลับไม่เหมือนเดิม ทั้งถูกผลักไสไล่ส่ง ทั้งถูกด่ากราดในเวทีโลก และที่สำคัญโดนหักหน้า กลับไปสร้างสัมพันธ์กับอริ อย่างชัดเจน มีหรือที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงเวลานี้สหรัฐฯ เองก็ไม่กล้าที่บุ่มบ่าม เพราะอย่างไรเสีย ฟิลิปปินส์ ก็ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่จะทำให้สหรัฐนั้นเข้าถึงผลประโยชน์ในน่านน้ำทะเลจีนใต้ และ หากเกิดสงครามโลกขึ้นมา จุดนี้ก็ยังมีความสำคัญในการส่งกำลังเข้าสู่สมรภูมิรบนั่นเอง