สวนทีรัยก็หงายหลัง!!  ทีมโฆษกคสช.ตอกกลับเพื่อไทยเลิกมโน "บิ๊กตู่" แทรกแซงศาลคดีจำนำข้าว ใช้ม.44ดูจำเป็นคนส่วนใหญ่ไม่เห็นเดือดร้อน

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

     พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลิกชี้นำกระบวนการยุติธรรม เกี่ยวกับการดำเนินคดี และการเรียกให้รับผิดทางแพ่งกับผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว อันมีลักษณะของการชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และชี้นำการพิจารณาคดีของศาล ว่า ยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมายและอำนาจหน้าที่ ซึ่งไม่มีลักษณะชี้นำ กลั้นแกล้ง หรือเลือกปฏิบัติ เรื่องดังกล่าวสังคมจับตามองอยู่ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานภายใต้กรอบกฎหมายอำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้

 

 

     พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยมองว่า อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.อยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการนั้น ถือเป็นมุมมองแต่ละฝ่ายที่ได้รับผลกระทำ ตามหลักมาตรา 44 กระบวนการใช้ยืนอยู่บนหลักการความเหมาะสมและมีเหตุผล ไม่ใช่นึกอยากจะใช้หรืออยากจะทำก็ทำ จะเห็นได้ว่ามาตราการต่างๆ ที่ออกจากมาตรา 44 มีผลทำให้บ้านเมืองสังคมเกิดความสงบสุขเรียบร้อย และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ แต่กลับทำให้สังคมมีระเบียบ แก้ไขปัญหาข้อติดขัดบ้านเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน ดูได้จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักโพลล์ต่างๆ ว่าพึ่งพอใจต่อการดำเนินการ คสช.ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ดูแลประชาชนและบริหารราชการแผ่นดิน

     เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยออกมาพูดล่วงหน้าว่ากระบวนการยุติธรรมถูกหัวหน้า คสช.แทรกแซง กังวลหรือไม่ หากศาลตัดสินโครงการจำนำข้าวในทางใดทางหนึ่ง ประชาชนอาจไม่เชื่อมั่นศาล พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า หัวหน้า คสช.ไม่ได้แทรกแซงกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น กระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการไปโดยศาลสถิตย์ยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่หัวหน้า คสช.เป็นฝ่ายบริหาร ก็ทำงานในหน้าที่และความรับผิดชอบเต็มตามกำลังความสามารถ ไม่ได้มีการชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ