ถึงคิวฟาดฟันลูกหาบ!!!  "วัชระ"  เดินเครื่องชน "เรืองไกร+ธาริต"  เอาผิดอาญาร่วมให้การเท็จกกต.กล่าวหาใช้ตำแหน่งสส.แทรกแซงคดีชายชุดดำ??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

      กลายเป็นประเด็นร้อนทันที  เมื่อ  นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  ออกมาแถลงข่าวเตรียมยื่นหนังสือถึง  นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)    เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับ  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน จากการร้องเรียนตนและนายศุภชัย ศรีหล้า อดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร ต่อกกต. เมื่อวันที่  18 มี.ค. 2556  

 

     โดยนายวัชระอ้างว่า   ทั้งสองกล่าวหาตนจงใจใช้สถานะของส.ส.ก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของนายธาริต   จากกรณีเรียกนายธาริต  มาชี้แจงเรื่องชายชุดดำจากเหตุการณ์ไม่สงบในปี 2553    โดยไม่มีมติที่ประชุมอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ2550 มาตรา266 (1)  อีกทั้งยังให้การเท็จในกรณีนี้ด้วย   ทั้งๆที่ตนและนายศุภชัยไม่ได้สมคบกันเชิญนายธาริตมาให้การ แต่เป็นมติของคณะกรรมาธิการฯที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก ดังนั้นการร้องเรียนของนายเรืองไกรจึงเป็นการร้องเท็จต่อกรรมการการเลือกตั้ง  โดยตนมีพยานหลักฐานความหนาหนึ่งนิ้วเพื่อยืนยันในเรื่องนี้

   ทั้งนี้นายวัชระ  กล่าวอีกว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น มีโทษสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ฐานความผิดให้การเท็จต่อ  กกต. ว่าตนต้องการช่วยเหลือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  ซึ่งในการให้การกับคณะกรรมการไต่สวนของ กกต.  ทั้งนายเรืองไกรและนายธาริต  ต่างสาบานต่อหน้านางพฤติพร เนติโพธิ์  ประธานกรรมการสอบสวนว่าหากให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จย่อมมีความผิดและต้องได้รับโทษตามกฎหมาย  

     ดังนั้นเมื่อมีการให้การเท็จกรรมการการเลือกตั้งก็ต้องดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองอย่างเด็ดขาด    ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137     กับ  นายเรืองไกร   กรณีแจ้งความเท็จมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท   หรือ  ทั้งจำทั้งปรับและมาตรา267    ซึ่งเป็นความผิดของทั้งนายเรืองไกรและนายธาริตด้วย