ใครหนอ??? เป็น "บ่างช่างยุ" ทำเอา "พระพุทธะอิสระ" ทนไม่ได้ต้องโพสต์ถามเมื่อไหร่นายกฯจะใช้ม.44 จัดการซะที!!!

ใครหนอ??? เป็น "บ่างช่างยุ" ทำเอา "พระพุทธะอิสระ" ทนไม่ได้ต้องโพสต์ถามเมื่อไหร่นายกฯจะใช้ม.44 จัดการซะที!!!

วันที่ 4 ตุลาคม 59 หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ระบุว่า

เมื่อไหร่ท่านนายกรัฐมนตรีจะใช้มาตรา ๔๔ จัดการกับพวกบ่างช่างยุให้เขาไปนอนในคุกเสียที
๔ ตุลาคม ๒๕๕๙

ประเทศนี้มิใช่มีแต่ศาสนา แต่ต้องมีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ที่บรรพบุรุษไทยได้ใช้เลือดเนื้อชีวิตแลกมา นอกจากนี้ยังต้องมีประชาชนที่นับถือลัทธิหรือศาสนาหลากหลาย ซึ่งเป็นความงดงามที่ปรากฎในเส้นสายลายชีวิตที่อาศัยแผ่นดินนี้ และประชาชนเหล่านี้ก็มีส่วนเข้าไปร่วมในการกอบกู้และปกป้องแผ่นดินไทยมาตั้งแต่บรรพกาล
ส่วนศาสนาในแผ่นดินนี้ เกิดขึ้นมาหรือเข้ามาในแผ่นดิน หลังจากแผ่นดินเป็นปึกแผ่นมั่นคง บ้านเมือง ประชาชนสงบสุข ร่มเย็น เจริญ ผู้คนจึงได้ขวนขวายหาที่พึ่งทางใจ
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่ามีแผ่นดิน มีประชาชน แล้วจึงมีศาสนา แต่วันนี้มีกลุ่มบุคคลพยายามจะทำให้สังคมเห็นว่าศาสนาสำคัญกว่าแผ่นดินและประชาชน
ด้วยการพยายามบิดเบือน ยุแหย่ สร้างความแตกแยกขยายความขัดแย้ง ด้วยข้ออ้างศาสนานิยม ศาสนาพุทธถูกต่างศาสนาทำร้ายและพยายามแสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ แบบชนิดพวกข้ามากกว่า ย่อมต้องได้สิทธิ์ต่าง ๆ ในแผ่นดินนี้มากกว่าพวกที่น้อยกว่า นี่คือวิธีคิดของคนพวกนี้
ทั้งที่โดยความจริงแล้ว ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แผ่นดินสยามตั้งแต่ยุคสมัยสุโขทัย จวบจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสร้างบ้านแปลงเมืองนี้มาด้วยกันทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ผู้นับถือศาสนาคริสต์ ผู้สำเร็จราชการสมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีส่วนต่อสู้ต่อรองเจรจากับพวกล่าอาณานิคม จนไทยรอดพ้น และตระกูลบุนนาคซึ่งเป็นชาวเปอร์เซียนับถือศาสนาอิสลามเข้ามาค้าขายในแผ่นดินสยามสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ยุคกรุงศรีอยุธยา และได้ช่วยราชการกับพระยาพระคลังเพื่อปรับปรุงกรมท่า จนได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น พระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าขวาและจุฬาราชมนตรี นอกจากนี้คนในตระกูลบุนนาคยังได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นสมเด็จเจ้าพระยาถึง ๓ คนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังเคยเป็นผู้สำเร็จราชการในยุคปลายแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าต่างฝ่ายต่างก็อยู่ร่วมกันมาอย่างปรองดอง รักใคร่ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ดุจดังแขน ขา ตา ตัว ตีน ตูดของกันและกัน มีส่วนในการสร้างบ้านแปลงเมือง ปกป้องแผ่นดินมาด้วยกันมาทั้งนั้น

จนมาถึงยุคประชาธิปไตยแบ่งบาน มีความคิดว่าจะปล่อยให้แต่ละเชื้อชาติ แต่ละศาสนา แต่ละชนเผ่าในแผ่นดินไทย ให้มีอิสรเสรีภาพที่จะปกครองตนเอง ด้วยข้ออ้างอิสระและประชาธิปไตย และศาสนานิยม ด้วยการพยายามแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และแสดงสิทธิ์ของตนเหนือแผ่นดินนี้ โดยไม่สนใจว่า แผ่นดินจะลุกเป็นไฟขึ้นหรือไม่

อยากถามดังๆ กับพวกคลั่งอัตตาว่า หากเกิดสงครามศาสนาบนแผ่นดินนี้ขึ้นจริงๆ พวกคลั่งอัตตาอย่างลัทธิทำจนกลายและพรรคพวกจะรับผิดชอบไหวไหม เมื่อแผ่นดินนี้ลุกเป็นไฟเกิดขึ้น ทุกศาสนาจะอยู่บนแผ่นดินนี้ได้อีกกระนั้นหรือ
การที่พวกลัทธิธรรมกายและพวกพ้อง พยายามหยิบยกเอาเหตุการณ์ความรุนแรงของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาขยายผลแล้วยุแหย่ให้พุทธกับอิสลามมาทะเลาะกัน เพื่อก่อปัญหาให้กับรัฐบาล คสช. โดยแผนแบ่งแยกกันตี เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ซึ่งล่าสุด ก็มีนักบวชสายธรรมกายออกมาปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง ออกมาโจมตีศาสนาอื่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างเหตุเรื่องที่พระภิกษุถูกทำร้าย และเสนอแนวทางตอบโต้ในวิธีการที่รุนแรงแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
จนเป็นเหตุให้นายซาการียา สุขจันทร์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีของพระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท และคณะ
จากนั้นพระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท ได้ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่งหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดที่พระมหาอภิชาตจำวัดอยู่ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระมหาอภิชาต ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องมา
ต่อมาคณะสงฆ์ปัตตานีจึงต้องออกแถลงการณ์รุมจวกพระมหาอภิชาต ในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานีจึงออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับการกระทำของ พระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท กรณีเผยแพร่สื่อออนไลน์

 

เนื่องจากการแถลงด้วยวาจาทางสื่อออนไลน์ของพระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท ในการพูดถึงกรณีความขัดแย้งในเหตุการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ โดยแสดงออกทางกาย และวาจาอันประกอบไปด้วยลักษณะมีโทสะเป็นที่ตั้ง แสดงอาการเกรี้ยวกราด โกรธแค้น ชิงชัง คุกคาม ใช้วาจาหยาบคาย ข่มขู่ผู้ที่ตนถือเป็นฝ่ายตรงข้าม อันเป็นเหตุนำมาซึ่งความเข้าใจผิดในภิกษุภาวะตามความเป็นจริง และถือเป็นการบิดเบือนหลักคำสอนที่แท้จริงของพุทธศาสนา
คณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี จึงได้มีมติออกคำชี้แจงดังนี้
๑. ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการกระทำในครั้งนี้ ของพระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท
๒. การกระทำครั้งนี้เป็นการบิดเบือนคำสอนในทางพระพุทธศาสนา
๓. การกระทำครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ อันจะก่อให้เกิดความหวาดระแวงต่อกัน
๔. การกระทำครั้งนี้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในภาวะของการเป็นพระภิกษุ-สามเณร ในพุทธศาสนาของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
๕. ขอให้คณะสงฆ์และประชาชนอย่าได้ให้การสนับสนุนการกระทำของพระมหาอภิชาต ปุณณจนฺโท ในครั้งนี้
๖. คณะกรรมการฝายการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และขอแสดงการไม่สนับสนุนไม่ยอมรับการกระทำของพระมหาอภิชาติ ปุณณจนฺโท ในครั้งนี้

การกระทำของพระมหาอภิชาตและพวกถือว่าเป็นการปลุกกระแสความขัดแย้ง แต่คนในพื้นที่ต้องตกเป็นผู้รับกรรม
แหล่งข่าวจากเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพกล่าวว่า “คำพูดของพระมหาอภิชาต จะทำให้เกิดความขัดแย้งของคนพุทธและมุสลิมในพื้นที่มากยิ่งขึ้น ท่านบวชอยู่ในเบญจมบพิตร ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดเหมือนพวกเรา หากความชัดแย้งนี้รุนแรงมากขึ้น พวกเราคือคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาไม่ใช่ตัวท่าน”
ที่ผ่านมา ๑๒ ปี มีพระที่มรณภาพจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดราว ๒๐-๒๑ รูป มีพี่น้องทั้งชาวพุทธและมุสลิมต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เป็นพันคน ซึ่งการแก้ไขโดยภาครัฐก็ยังดำเนินการอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ยุติลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องของอุดมการณ์
ก่อนหน้าปี ๒๕๔๗ คนในพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิมก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ ตอนนี้ก็อยู่ร่วมกันได้เหมือนเดิม จึงไม่อยากให้ใครมายุให้เกิดความแตกแยกระหว่างพี่น้องไทยพุทธกับมุสลิม
เราอยู่ในพื้นที่จะรู้ว่าแนวคิดแบบนี้ของพระในพื้นที่ภาคใต้เกิดขึ้นจากอะไร บางเรื่องที่พูดต่อ ๆ กันไปก็ไม่ใช่เรื่องจริง เช่น มีการไล่วัดพุทธออกไปนั้น ที่จริงแล้ววัดนั้นเป็ดวัดร้างอยู่และไปปลูกสร้างบนที่ดินของเอกชน เมื่อเอกชนจะใช้พื้นที่ดังกล่าวและวัดไม่มีพระสงฆ์อยู่ ก็ดำเนินการตามสิทธิ์ แต่ข่าวที่ออกไปนั้นถูกนำไปปลุกปั่นทำให้เกิดความเข้าใจผิด
นี่คือความรู้สึกของคนที่เขาอยู่ในพื้นที่ ที่ทนต่อความหวังดีประสงค์ร้ายของกลุ่มทำจนกลายไม่ได้
ยิ่งมีเหตุการณ์เจ้าลัทธิทำจนกลายถูกดำเนินคดี ถูกออกหมายจับ กระแสความขัดแย้งระหว่างศาสนาดูเหมือนจะเกิดถี่ขึ้น และขยายไปทุกพื้นที่ที่พวกลัทธิทำจนกลายไปอยู่
เกมปลุกภัยศาสนาของลัทธินี้ได้พยายามทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้สังคมได้เห็นว่า มีแต่ลัทธิทำจนกลายนี้เท่านั้นจึงจะสู้รบกับศาสนาอื่น ๆ ได้
ฉะนั้น การที่เจ้าลัทธิถูกดำเนินคดี บรรดากองเชียร์และสาวกก็ออกมาโพนทะนาว่า นี่คือผลกระทบที่เกิดจากการที่ลัทธินี้ต่อสู้กับศาสนาอื่นเลยเถิดไปถึงขนาดว่า ถ้าเจ้าลัทธิถูกจับดำเนินคดีหรือสึก พระพุทธศาสนาในแผ่นดินก็ต้องล่มสลาย เขาโพนทะนาพูดคุยกันถึงขนาดนั้น
ท่านนายกรัฐมนตรี คสช. รัฐบาล รัฐมนตรี อย่าทำเป็นนิ่งนอนใจ ปล่อยให้คนพวกนี้โหมกระพือข่าวบิดเบือน ใส่ร้าย ยุแหย่ ให้ทะเลาะกันระหว่างศาสนา โดยไม่คิดจะทำอะไร เดี๋ยวจะกลายเป็นสงครามครูเสดแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ
ที่นี้อะไรก็เอาไม่อยู่ แก้ได้ก็แก้ หยุดได้ก็หยุด กำจัดได้ก็กำจัด ต้นเหตุของความแตกแยก หากปล่อยไว้จะเป็นภัยแก่บ้านเมือง
พุพธะอิสระ

ใครหนอ??? เป็น "บ่างช่างยุ" ทำเอา "พระพุทธะอิสระ" ทนไม่ได้ต้องโพสต์ถามเมื่อไหร่นายกฯจะใช้ม.44 จัดการซะที!!!

 

ใครหนอ??? เป็น "บ่างช่างยุ" ทำเอา "พระพุทธะอิสระ" ทนไม่ได้ต้องโพสต์ถามเมื่อไหร่นายกฯจะใช้ม.44 จัดการซะที!!!

 

ใครหนอ??? เป็น "บ่างช่างยุ" ทำเอา "พระพุทธะอิสระ" ทนไม่ได้ต้องโพสต์ถามเมื่อไหร่นายกฯจะใช้ม.44 จัดการซะที!!!