ขึ้นศาลนัด4 !! "ยิ่งลักษณ์" ครวญ ขอความเห็นใจ ย้ำ"จำนำข้าว"ช่วยชาวนา จี้รัฐสอบ"ทัวร์ฮาวาย"อย่าโยนกันไปมา

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยวันนี้ (7 ต.ค.) ศาลได้นัดสืบพยานจำเลย เป็นนัดที่ 4  ในคดีจำนำข้าว ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณีละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าวที่มีการทุจริต จนรัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยมีบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย  และอดีตส.ส.อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรค นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตส.ส.น่าน นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีตส.ส.กรุงเทพฯ เป็นต้น พร้อมมวลชนร่วมให้กำลังใจ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม มาพร้อมทีมทนายความ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย ทั้งนี้ทันทีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์มาถึง กลุ่มมวลชนได้มอบดอกไม้ และตะโกนให้กำลังใจ สู้ๆ สำหรับพยานฝ่ายจำเลยที่มาให้การต่อศาลในวันนี้คือ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตที่ปรึกษานางสาวยิ่งลักษณ์

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถึงการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจากตนเองเป็นจำนวน 35,000 ล้านบาท ว่าอยากขอความเห็นใจเพราะโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือชาวนาซึ่งได้ร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานใดเลย สำหรับการยื่นขออุทธรณ์ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารซึ่งต้องรอเพื่อศึกษารายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเห็นว่า การใช้คำสั่งทางปกครองเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อยากให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ควรใช้ทางศาลแพ่งมากกว่า กรณีนี้เท่ากับว่าเป็นการตัดสินตัวเองไปแล้วเพราะกฎหมายมีทางออกให้เลือก 2 ทาง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึง คณะ"ทัวร์ฮาวาย" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เเช่าเครื่องบินเหมาลำบินตรงประชุมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มลรัฐฮาวายมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท  ว่าเป็นหน้าที่ของโฆษกฯรัฐบาล ที่ต้องชี้แจงกับประชาชน หากรัฐบาลโยนไปโยนมา จะกลายเป็นการเล่นการเมืองของรัฐบาลเอง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีที่ตัวเองถูกตรวจสอบเป็นอย่างมาก ขณะที่การตรวจสอบภายในของรัฐบาลมีน้อยกว่า มองเรื่องนี้อย่างไร นางสาวยิ่งลักษณ์ ตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลและผู้มีอำนาจและรัฐบาล โดยเฉพาะตัวผู้นำจะคิดว่าทำอย่างไรจะให้ประชาชนยอมรับ