- 08 ต.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในช่วงระยะนี้สำหรับปริมาณน้ำจากตอนบนของประเทศที่จะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ล่าสุด นายสมยศ ศิลปีโยดม นายอำเภอปากเกร็ด ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึง นายกเทศมนตรีตำบลบางพลับ นายกองค์การบริหารส่วน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ระบุข้อความจากนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สั่งการให้ผู้รับผิดชอบแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผ่านเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถแจ้งได้ เช่น ระบบเสียงตามสาย ไลน์ การประชุมชี้แจง ฯลฯ เฝ้าระวัง และเตรียมการให้พร้อมที่สุด(โดยเฉพาะการยกของขึ้นที่สูง)
เนื่องจากขณะนี้กรมชลประทานได้แจ้งเตือนว่า ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลังเขื่อนป่าสักฯ หากไม่มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำ คาดว่าจะมีน้ำเต็มเขื่อนในวันที่ 11 ต.ค.59 นอกจากนี้กรมอุตุฯ คาดว่าช่วงวันที่ 5-11 ต.ค. 59 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้เทศบาลเมืองบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอปากเกร็ด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนหมู่บ้านที่อยู่ในคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำให้เตรียมความพร้อมของประชาชนในเรื่องที่อยู่และเคลื่อนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงแล้ว ซึ่งคาดว่ามวลน้ำก้อนนี้จะถึงปากเกร็ดในไม่ช้านี้ จึงขอให้ทุกท่านได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน และขอให้รายงานสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง
ทางด้าน นายเอกศิษฐ์ ศักดิ์ดีธนาภรณ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเจ้าพระยา กล่าวถึง สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากการตรวจสอบเมื่อเวลา 10.30 น.(8 ต.ค.) พบว่าระดับน้ำ ที่สถานีวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวขึ้นอยู่ที่ 16.58 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยระดับน้ำมีการเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากน้ำที่รับมาจากน้ำทางภาคเหนือประกอบกับฝนที่ตกลงมา ทำให้มีการรับ-ส่ง และระบายอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ระดับน้ำช่วงท้ายเขื่อนอยู่ที่ 14.80 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการระบายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามแผนของกรมชลประทาน แต่ถ้าฝนตกลงมาตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดไว้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งในจังหวัดชัยนาท และจังหวัดใกล้เคียง หรือจังหวัดที่อยู่ขนาบแม่น้ำเจ้าพระยาอาจได้รับผลกระทบโดยตรง ควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ทางด้านนายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียกผู้นำท้องถิ่นประชุมประเมินสถานการณ์ หลังจากเขื่อนพระรามหก แจ้งว่ามีน้ำไหลมาหน้าเขื่อนที่กั้นแม่น้ำป่าสัก เขตตำบลท่าหลวง จำนวนมากถึง 981 ลบ.ม./วินาที่ แยกเป็น น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปล่อย ลงมา 580 ลบ.ม./วินาที น้ำจากจังหวัดสระบุรี 321 ลบ.ม./วินาที น้ำจากลพบุรีและเจ้าพระยา ผ่านคลองชัยนาท-ป่าสัก 170 ลบ.ม./วินาที
โดยปัจจุบันเขื่อนพระรามหก เร่งปล่อยน้ำลงแม่น้ำป่าสักตอนล่างที่ 606 ลบ.ม/วินาที และผันเข้าคลองระพีพัฒน์ 160 ลบ.ม./วินาที แต่ยังมีน้ำตกค้างหน้าเขื่อนอีก 215 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเกินกำลังที่เขื่อนพระรามหกจะกั้นได้ ดังนั้นอาจจะมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเที่ยงวันนี้ ( 8 ต.ค.) กำหนดปล่อยเพิ่มเป็น 630 ลม./วินาที และอาจถึง 650 ลบ.ม./วินาที ดังนั้นจึงขอให้พื้นที่ตอนล่างในเขตอำเภอท่าเรือ , นครหลวง และพระนครศรีอยุธยา เตรียมรับมือสภาพน้ำล้นตลิ่งสำหรับพื้นที่ชุมชนริมน้ำในช่วงเย็นวันนี้