เพราะปากพาจนจริง ๆ !!! "ทักษิณ" โดน "ชาญชัย" จวกหนักถ้าแน่จริงต้องกลับมาอย่าดีแต่.?.. เลิกเป็นตัวถ่วงเสียเวลาประเทศจะเดินหน้า !!?!!

 

      ยังเป็นกระแสต่อเนื่องมาโดยตลอดกับการเคลื่อนไหวรอบล่าสุดของนายทักษิณ ชินวัตร  ในการเดินทางไปพบปะกับคนเสื้อแดงที่สหรัฐอเมริกา  (  สะท้านไปถึงทรวง!!! "พล.ท.นันทเดช" สวนปาก "ทักษิณ" คนไทยไม่กลัวผี หันดูตัวเองเหอะโดนใกล้ตัวหลอกใช้ตังค์ รู้ตัวเองทีก็ใกล้ตาย???  http://deeps.tnews.co.th/contents/207544/  )

 

       ล่าสุด   นายชาญชัย   อิสระเสนารักษ์    อดีตส.ส.นครนายก    พรรคประชาธิปัตย์   กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ  ชินวัตร   ไปพูดทางการเมืองกับมวลชนคนเสื้อแดงประเทศสหรัฐอเมริกา  ว่า    คำพูดของนายทักษิณมีนัยสำคัญ    เพราะมีการเปรียบตัวเองเป็นผีถ้าเจ้าของบ้านกลัวก็เอาหมอผีมาไล่นั้น  ตนเห็นเป็นการใช้คำว่า ที่บังอาจมากที่กล้าพูดเช่นนี้  ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่รู้ความหมายที่พูด แต่นายทักษิณรู้ดีว่าหมายถึงอะไร  เช่นเดียวกับที่ระบุว่าพร้อมจะกลับมาปวารณาตัวจรรโลงศาสนานั้น  ก็ขออนุโมทนาสาธุ  แต่มีข้อเท็จจริงว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครห้าม ไม่ให้นายทักษิณกลับมาประเทศไทย  แต่นายทักษิณเลือกหนีคดีไปเอง   หรือหากอยากกลับมาก็มีสิ่งที่คนไทยอยากเห็นอย่างรู้เหมือนกันว่า   1. มีอีก 5 คดีที่รอเข้าคุกจะเอาอย่างไร     2. หากจะกลับมาจรรโลงศาสนา มีจิตใจบริสุทธิ์พอหรือ เพราะเจ้าตัวไม่เคยละวาง  ยังคงทำตัวเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงชาติ    3. กรณีเรื่องน้ำท่วม ที่ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นน้องสาวเป็นกระโถนนั้น ตนว่าไม่ใช่ แต่ควรถูกลงโทษ เพราะเป็นมือใหม่หัดขับ เข้ามาบริหารก็ทำน้ำท่วมใหญ่

  

         “สิ่งที่นายทักษิณพูดเพื่อปลุกคนเสื้อแดง ทั้งที่บอกให้คนไทยปรองดอง เป็นการส่งสัญญาณว่าเขาจะกลับมาเล่นงานข้าราชการที่แปรพักตร์เข้ากับรัฐไทย  ผมขอย้ำว่า ถ้าแน่จริง  มึงกลับมาสิ  อย่าไปเห่าอยู่ต่างประเทศเสียเวลา  บ้านเมืองจะเดินหน้า  แต่กลับมาตัวเป็นตัวถ่วง    ตนบอกเลยสาเหตุที่นายทักษิณพังมากจาก 4 เรื่อง คือ  1.พอไม่รู้จักพอ  2.มีศัตรูไม่รู้จักหยุด 3.มีคนดีของแผ่นดินตักเตือนแต่กลับเห็นเขาเป็นศัตรู  4.พังเพราะผู้หญิง นี่คือความวิบัติของทักษิณและครอบครัว ที่ไม่มีใครไปทำอะไรเขา แต่เขาทำตัวเอง และขอเตือนว่า พวกเรารำคาญคุณเต็มที ไม่ใช่เรื่องมองข้าม หรือไม่ข้าม สิ่งที่นายทักษิณออกมาเช่นนี้ เขาสั่งสู้ตาย เม็ดเงินไหลเข้ามาเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองและอีกหลายๆ เรื่องนับพันล้านบาท”