ทำไม !!!  "ดูเตอร์เต"  ถึงระบุ  "จะคุกเข่าต่อหน้ากษัตริย์แห่งบรูไนและไทย แต่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอเมริกันโดยเด็ดขาด" (ติดตามรายละเอียด)

4 ต.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ เดลี อินไควเรอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตได้ประกาศย้ำชัดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าเขาสงสัยว่าชาวอเมริกันจะเสียสละให้ชาวฟิลิปปินส

4 ต.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ เดลี อินไควเรอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตได้ประกาศย้ำชัดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าเขาสงสัยว่าชาวอเมริกันจะเสียสละให้ชาวฟิลิปปินส์ได้จริงหรือ การก่อสงครามมีแต่จะทำให้ชาวอเมริกันได้ประโยชน์ และตัวเขาเองแทบจะเสียความศรัทธาในอเมริกาจนหมดแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โอบามา คุณจะไปลงนรกที่ไหนก็ไป สหภาพยุโรป ก็เหมือนกัน คุณจะเลือกไปล้างบาปก็ได้ เพราะนรกมันเต็มแล้ว แต่ทำไมผมต้องกลัวคุณ?

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำฟิลิปปินส์ประกาศด้วยว่าจะลดการพึ่งพิงทางด้านการทหาร และอาวุธจากสหรัฐฯ โดยจะหันไปซื้ออาวุะจากจีนและรัสเซียแทน

 

“For the life of me, I’d rather kneel before the king of Brunei or Thailand but I will never before the Americans"

 "ในชีวิตของผม ผมยินดีที่จะคุกเข่าต่อหน้ากษัตริย์แห่งบรูไนและไทย แต่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอเมริกันโดยเด็ดขาด”นายดูเตอร์เตกล่าวในตอนหนึ่ง

 

President Rodrigo Duterte delivers his dtrongest tirades yet against the United States, saying he has lost respect for Washinton anf might eventually break up with America

 สูญเสียความเคารพต่ออมเริกาไปแล้วและอาจตัดความสัมพันธ์กับอเมริกาในที่สุด

 

" Mr. Obama,you can go to hell. EU ,better choose purgatory. "

 โอบาม่า คุณไปลงนรกก็ได้นะ แต่จะให้ดี ก็ควรจะลงนรกที่ชำรำบาปด้วยดีกว่า

สำหรับ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นประมุขแห่งประเทศไทย เป็นต้นมา พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์แก่ชาวไทยตลอดพระชนมายุของพระองค์ โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ คือ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ของประเทศ ดังในปฐมพระบรมราชโองการในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม

 

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทานเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขอาณาประชาราษฎร์ มีมากกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ

 

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงจัดตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจำนวนมาก ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ เช่น

 

-มูลนิธิชัยพัฒนา ก่อตั้งเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2531 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการพัฒนาอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจ และสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้

 

-มูลนิธิโครงการหลวง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2512 เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขา เพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น

-โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2504 มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน เพื่อศึกษา ทดลองและวิจัยหาวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานทางด้านการเกษตรต่างๆ เช่น การปลูกข้าว การเลี้ยงโคนม การเพาะพันธุ์ปลานิล และอื่นๆ อีกมากมา

-โครงการแก้มลิง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย หลังเกิดอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2538 โดยให้จัดหาสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาที่คลองพอจะระบายน้ำได้จึงค่อยระบายน้ำจากส่วนที่กักเก็บไว้ออกไป

-โครงการฝนหลวง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2512 เพื่อแก้ปัญหาเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร

-โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน มีฉบับปกติ 37 เล่ม ฉบับเสริมการเรียนรู้ 19 เล่ม เริ่มพิมพ์ครั้งแรกในพ.ศ. 2516 เป็นสารานุกรมไทยแบบเป็นชุด เน้นความรู้ที่เกิดขึ้นและใช้อยู่ในประเทศไทย แต่ละเล่มรวบรวมเนื้อเรื่องจากหลากหลายสาขาวิชา เนื้อหาของเรื่องต่างๆ เรียบเรียงให้เหมาะสมกับเด็กรุ่นเล็ก เด็กรุ่นกลาง และเด็กรุ่นใหญ่

-โครงการแกล้งดิน เพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว หรือดินเป็นกรด โดยมีการขังน้ำไว้ในพื้นที่จนกระทั่งเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้ดินเปรี้ยวจัด จนถึงที่สุด แล้วจึงระบายน้ำออกและปรับสภาพฟื้นฟูดินด้วยปูนขาว จนกระทั่งดินมีสภาพดีพอที่จะใช้ในการเพาะปลูกได้

-กังหันชัยพัฒนา สร้างต้นแบบได้ครั้งแรกในปีพ.ศ. 2532 เป็นกังหันน้ำเพื่อบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการเติมอากาศ

พระสมเด็จจิตรลดา หรือ พระกำลังแผ่นดิน เป็นพระเครื่อง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างด้วยพระองค์เอง พระราชทานแก่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และพลเรือน ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2508 - 2513 มีทั้งสิ้นประมาณ 2,500 องค์