มีปากเหวี่ยงไปเรื่อย !! "จตุพร" ทิ้งทวนก่อนขึ้นศาลฟังถอนประกันฉะรัฐบาลใช้อำนาจแบบหลงจู๊ แต่เอาจริงๆก็เหมือนย้อนด่าระบอบทักษิณเต็มๆ??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

    แม้ว่าในวันนี้  (11 ต.ค.)  มีกำหนดการต้องไปศาลอาญาเพื่อฟังคำวินิจฉัยกรณีอัยการสูงสุด กล่าวหากระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว  แต่ล่าสุด   นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  ก็ยังเคลื่อนไหวทางการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะการโจมตีการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ในลักษณะก่อเกิดให้เกิดความเกลียดชังในหมู่มวลชนคนเสื้อแดง   อย่างการเฟสบุ๊กไลฟ์  ( 10 ต.ค.)  ที่ระบุว่า   ลักษณะการทำงานรัฐบาลในการประกาศภารกิจสร้างประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน   มีการใช้อำนาจแบบเผด็จการหลงจู๊ที่จะเกิดผลกระทบ เพราะทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในตัวผู้มีอำนาจ  ส่วนการเน้นสร้างความมั่นคงภายในประเทศก็นำซึ่งความมั่งคั่งที่ล้มเหลวสิ้นเชิง

 

    “ แม้มีโพลเชียร์รัฐบาลทุกครั้ง แต่ด้านเศรษฐกิจเป็นภาพสะท้อนปัญหาที่ต้องแก้ไข สิ่งสำคัญประเทศไทยผ่านผู้นำมีอำนาจแบบหลงจู๊และเผด็จการมาหลายคน  ส่วนวันนี้การใช้อำนาจกลับร้ายแรงกว่า เพราะได้รวมเอาอำนาจแบบเผด็จการมาผสมกับหลงจู๊  โดยมีอำนาจพิเศษเป็นเครื่องมือบังคับ ล้วงลูก แทรกแซงหน่วยงานต่างๆ ให้ทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจ จึงเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของแต่ละองค์กรให้ยับเยินที่สุด”

    นายจตุพร  กล่าวอีกว่า    แม้รัฐบาลจะมุ่งปราบปรามการทุจริต แต่กลับเลือกใช้องค์กรตรวจสอบ ปราบปรามอย่างสิ้นเปลือง  โดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของประชาชนที่คลางแคลงใจการทำหน้าที่ไม่เสมอภาคกันทุกฝ่าย เพ ราะมุ่งเน้นให้องค์กรหรือหน่วยงานไปจัดการ ปราบปรามฝ่ายตรงข้าม แล้วเพิกเฉยไม่ตรวจสอบฝ่ายของตัวเอง ผลการใช้อำนาจแบบเผด็จการหลงจู๊ จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อข้าราชการคนใดแสดงความเห็นไม่ถูกใจผู้มีอำนาจต้องมีอันเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่นกรณีล้วงลูก แทรกแซงเล่นงานรองอธิบดีอัยการสูงสุด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดจนต้องเขียนกลอนศรีปราชญ์ระบายความในใจ และการถอนประกันตัว ซึ่งมีแนวโน้มถูกแทรกแซง สั่งการให้เกิดผลในด้านใดด้านหนึ่ง ตามความต้องการของผู้มีอำนาจเช่นกัน

  

     “การใช้อำนาจล้วงลูก  เป็นเสมือนการพยายามสร้างรัฐที่แตะต้องไม่ได้  สร้างรัฐให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ไม่ใช่ การแก้ไขปัญหาชาติก็คิดแต่เข้าข้างตัวเอง  ดังนั้น ผู้มีอำนาจใช้อำนาจพิเศษล้วงลูกแทรกแซงเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นจนไม่กล้าจะแสดงออก ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เปิดกว้าง เพราะการเปิดกว้างจะทำให้เกิดการค้นหาความจริง จนประชาชนรับรู้และยอมรับอย่างมีเหตุผล ย่อมทำให้บรรยากาศสังคมและการเมืองน่าเชื่อถือ   ในทางตรงข้ามการจะมีอำนาจต้องคิดถึงชาติบ้านเมืองให้ยิ่งใหญ่กว่าการใช้อำนาจ และประเทศต้องใหญ่กว่าครอบครัวของตัวเอง    ดังนั้นสัจธรรมการใช้อำนาจต้องคิดถึงวันที่ไม่มีอำนาจด้วย เพราะการแทรกแซง ล้วงลูกทุกองค์กรของรัฐนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นอกจากเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือให้ยับเยินเท่านั้น"