"Temasek Rice"!!!ข้าวหอมพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกฝีมือนักวิจัยสิงคโปร์ล้วนๆ คุณสมบัติสุดติ่ง...ข้าวไทยมีหนาว

"Temasek Rice"!!!ข้าวหอมพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกฝีมือนักวิจัยสิงคโปร์ล้วนๆ คุณสมบัติสุดติ่ง...ข้าวไทยมีหนาว

ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติแห่งศูนย์วิจัย Temasek Life Sciences Laboratory (TLL) เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University) นำโดยด็อกเตอร์หยิน จงเฉา (Yin Zhongchao) ได้พัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอม พันธุ์แรกของสิงคโปร์ ชื่อ ข้าวหอม เทมาเสค  "Temasek Rice"

"Temasek Rice"!!!ข้าวหอมพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกฝีมือนักวิจัยสิงคโปร์ล้วนๆ คุณสมบัติสุดติ่ง...ข้าวไทยมีหนาว

สำหรับข้าวเทมาเสค ทีมผู้เชี่ยวชาญเจ้าของผลงานระบุว่า เป็นข้าวธรรมชาติ 100% ไม่ใช่ข้าวดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) พัฒนาจากพันธุ์ข้าวหอมมะลิผสมกับข้าวอื่นๆอีก 5 พันธุ์ นำไปปลูกยังแปลงทดลองที่ประเทศอินโดนีเซีย ใช้เวลาทดลองปลูกกว่า 8 ปี จึงประสบความสำเร็จ

คุณสมบัติเด่นของข้าวพันธุ์นี้ คือเป็นข้าวคุณภาพดี กลิ่นหอม นุ่มอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งใยอาหาร ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส ปลอดคอเลสเตอรอลและโซเดียม

"Temasek Rice"!!!ข้าวหอมพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกฝีมือนักวิจัยสิงคโปร์ล้วนๆ คุณสมบัติสุดติ่ง...ข้าวไทยมีหนาว

 

"Temasek Rice"!!!ข้าวหอมพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกฝีมือนักวิจัยสิงคโปร์ล้วนๆ คุณสมบัติสุดติ่ง...ข้าวไทยมีหนาว

ส่วนคุณสมบัติทางกายภาพ ประกอบด้วยการทนแล้ง สามารถปลูกในพื้นที่มีน้ำน้อยได้ ทนน้ำท่วม สามารถแช่น้ำได้นาน 2 สัปดาห์ อีกทั้งทนต่อโรคศัตรูพืชประเภทแบคทีเรียและเชื้อรา ลำต้นล่ำเตี้ยแข็งแรง ทนต่อกระแสลมแรงได้ดีไม่ล้มง่าย ที่สำคัญคือ ให้ผลผลิตสูง เฉลี่ยไร่ละ 1 ตัน มากกว่าข้าวโดยทั่วไปถึง 4 เท่า


ดร.หยิน ระบุว่า การพัฒนาข้าวเทมาเสคขึ้นมา มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค สร้างพันธุ์ข้าวที่ทนต่อสภาพอากาศแปรปรวนเหตุจากภาวะโลกร้อน และเพื่อให้เกษตรกรมีข้าวคุณภาพดีจำหน่ายได้ราคางาม

สำหรับข้าวที่ผลิตจำหน่ายลอตแรกมีไม่มากนัก โดยผลิตเป็นข้าวกล้อง จัดทำเป็นถุงละ 1 กิโลกรัม ราคาถุงละ 6.95 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 180 บาท) ซึ่งถือว่าไม่แพง ตอนนี้มีขายในซูเปอร์มาร์เกต Meidi-Ya เพียงแห่งเดียว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณสมบัติของข้าวรุ่นแรกจะดีเลิศเพียงใด  แต่ด็อกเตอร์หยินระบุว่ายังคงต้องพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป เพื่อให้ได้ข้าวมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีแผนขยายพื้นที่ปลูก เพื่อเพิ่มผลผลิตสู่ระดับเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบต่อไป

 

 

ข้อมูล www.lokwannee.com