ค้น กทม. !! คสช.แจงคุม 14 ต้องสงสัยคดีมั่นคง ปล่อยไป 9 ยังคุมต่อ 5 คน ชี้มีสถานะไม่ใช่นศ. พบโยงป่วนจชต.

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

โฆษกคสช. เผยยังคุม 5 ผู้ต้องสงสัย สอบหาข้อมูลสำคัญต่องานความมั่นคง ยันปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แจง ตรวจค้นย่านรามคำแหง มีนบุรี หนองจอก ควบคุม 14 ต้องสงสัยคดีมั่นคง ปล่อยกลับบ้านแล้ว 9 คน พบ 5 คน สถานะไม่ใช่นศ. ชี้ พบข้อมูลโยง 3 จังหวัดชายแดนใต้ กทม. ปริมณฑล ขอให้มั่นใจจนท.
         
 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) กล่าวถึงกรณีการเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงระหว่างการปิดล้อมตรวจค้นบริเวณ ย่านรามคำแหง มีนบุรี และหนองจอก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ในช่วงแรกมีเชิญมาจำนวน 14 คน ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ได้ขอบคุณ และให้กลับบ้านไปแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงจำนวน 5 คน คือ นายตาลมีซี โตะตาหยง, นายมูฟตาดีน สาและ, นายอัมรีย์ หะ, นายนุรมัน อาบู, นายอุสมาน กาเด็งหะยี ซึ่งทั้ง 5 รายนี้ เบื้องต้นไม่พบว่ามีสถานะเป็นนักศึกษา ประกอบกับเจ้าหน้าที่พบว่ามีข้อพิสูจน์อันน่าเชื่อถือว่าน่าจะมีข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่องานความมั่นคงในส่วนทั้งของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในส่วนกลาง

“หลังจากนี้คงจะเป็นไปตามกระบวนการซักถามเพิ่มเติมตามอำนาจทางกฎหมายของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ซึ่งคงจะเน้นการขอความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลด้านความมั่นคงเป็นหลัก อาจยังไม่มีลักษณะปฏิบัติว่าบุคคลนั้นได้กระทำความผิดในชั้นนี้ ส่วนพฤติกรรมอื่นๆ ของบางบุคคลที่พบดูแล้วอาจเข้าข่ายผิดในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญตัวนั้น เจ้าหน้าที่อาจยังขอแยกไว้เป็นเรื่องรองก่อน ขอให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ส่วนผลที่ได้จากการซักถามข้อมูลจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานภายใต้องค์ประกอบที่สมบูรณ์ก่อน”พ.อ.วินธัย กล่าว
        
 พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงการตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญกลุ่มบุคคลต้องสงสัยในคดีความมั่นคง มามีจำนวน 14 คน ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอขอบคุณ ที่ทุกคนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่จำนวน 9 คนทางเจ้าหน้าที่ได้ให้กลับบ้านไปแล้ว ยังคงเหลือเพียงจำนวน 5 คน คือ นายตาลมีซี โตะตาหยง, นายมูฟตาดีน สาและ, นายอัมรีย์ หะ, นายนุรมัน อาบู, นายอุสมาน กาเด็งหะยี

โฆษกคสช. กล่าวต่อว่า ทั้ง 5 คนนี้ เบื้องต้นไม่พบว่ามีสถานะเป็นนักศึกษา ประกอบกับเจ้าหน้าที่พบว่ามีข้อพิสูจน์อันน่าเชื่อถือว่าน่าจะมีข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่องานความมั่นคงในส่วนทั้งของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กทม. และปริมณฑล หลังจากนี้คงจะเป็นไปตามกระบวนการซักถามเพิ่มเติมตามอำนาจทางกฎหมายของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป คงจะเน้นการขอความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลด้านความมั่นคงเป็นหลัก อาจยังไม่มีลักษณะปฏิบัติว่าบุคคลนั้นได้กระทำความผิดในชั้นนี้ ส่วนพฤติกรรมอื่นๆ ของบางบุคคลที่พบดูแล้วอาจเข้าข่ายผิดในขณะที่ จนท.ไปเชิญตัวนั้น เจ้าหน้าที่อาจยังขอแยกไว้เป็นเรื่องรองก่อน
       

  "ขอให้มั่นใจ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ส่วนผลที่ได้จากการซักถามข้อมูลจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องให้ เจ้าหน้าที่ได้ทำงานภายใต้องค์ประกอบที่สมบูรณ์ก่อน"พ.อ.วินธัย กล่าว